svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ธีรยุทธ" ยัน 31 ม.ค.นี้ ไปศาลฟังคำวินิจฉัย "พิธา-ก้าวไกล" ปมหาเสียงแก้ ม.112

"ธีรยุทธ" เผย 31 ม.ค.นี้ พร้อมไปศาลฟังคำวินิจฉัย "พิธา-ก้าวไกล" ปมหาเสียงแก้ ม.112 ชี้ วัตถุประสงค์ เพื่อให้หยุดการกระทำ หวั่นเป็นช่องกัดเซาะสถาบันฯ แจง "ยุบพรรค" เป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระ

28 มกราคม 2567 นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ร้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ และพรรคก้าวไกล ในการเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 (ม.112) โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่

โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าว “เนชั่นทีวี” ถึงการนัดวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคำร้องดังกล่าว วันที่ 31 มกราคมนี้ว่า ตนจะเดินทางไปฟังคำวินิจฉัยด้วยตนเอง พร้อมยืนยันว่า การยุบพรรคก้าวไกล ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของตนเอง แต่ต้องการให้พรรคก้าวไกล หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะการดำเนินนโยบายนี้ เป็นช่องให้บางฝ่าย จ้องใช้โอกาสกัดเซาะบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงต้องการจะปิดช่องตรงนี้ก่อน

ส่วนหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว จะดำเนินการยื่นเรื่องยุบพรรค หรือดำเนินการอื่น ๆ อย่างไรต่อไปหรือไม่นั้น นายธีรยุทธ ชี้แจงว่า ตนเองยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้น เพราะสิ่งที่ต้องการสูงสุดคือ ต้องการทราบแนวทางของศาลก่อนว่า การแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น กระทบต่อจิตใจของพสกนิกร พร้อมย้ำว่า ไม่ได้คิดไปไกลถึงการยุบพรรค เพราะจะเกินเลยกว่าคำร้อง ที่ตนได้ยื่นให้ศาลวินิจฉัย

 

ทั้งนี้ไม่รู้สึกกังวล หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะออกมาในวันที่ 31 มกราคมนี้ จะกลายเป็นชนวน หรือสารตั้งต้น ที่จะถูกนำไปใช้ในการยุบพรรคก้าวไกลในอนาคต เพราะองค์กรอิสระ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. หรืออัยการสูงสุด ก็มีหน้าที่ติดตามเรื่องเหล่านี้

เพราะก่อนยื่นถึงศาลรัฐธรรมนูญ ตนก็เคยยื่นให้ กกต. และอัยการสูงสุดมาแล้ว และระหว่างการไต่สวน ศาลฯ ก็ได้เรียกเอกสารจากหน่วยงานความมั่นคง และการดำเนินคดีความ ทั้งทางอาญา และทางแพ่งมาประกอบสำนวน เพื่อความรอบด้านก่อนการวินิจฉัย ดังนั้น เชื่อว่า หน่วยงานต่าง ๆ ที่ศาลมีหนังสือถึง ก็น่าจะรู้ตัว และทำงานควบคู่กันไป

ทั้งนี้ในวันวินิจฉัย คือวันที่ 31 ม.ค. ได้มีประกาศ เรื่องอาณาบริเวณหรือพื้นที่ ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึงเวลา 23.59 น.