svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ถวิล"ร้องป.ป.ช.ประสาน อสส. อุทธรณ์หลังศาลยกฟ้อง"ยิ่งลักษณ์"ปมโยกย้าย

24 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ถวิล เปลี่ยนศรี" ร้อง ป.ป.ช. ประสานอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ คดี "ยิ่งลักษณ์" ปมโยกย้ายไม่เป็นธรรม หลังศาลฎีกานักการเมืองยกฟ้อง ยันไม่ต้องการเอาชนะหรือเจ็บแค้น แต่กฎหมายเปิดช่องไปให้สุด

24 มกราคม 2567 "นายถวิล เปลี่ยนศรี" สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงข่าวถึงการยื่นเรื่องขอให้อัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายกฟ้อง "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ในการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม ว่า ในกรณีของตนมีหลายศาล หลังจากมีคำสั่งโยกย้ายตนได้ร้องศาลปกครองเมื่อปี 2554 และศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ตนชนะคดีจนได้รับการคืนตำแหน่ง ต่อมา สว.ได้มีการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยศาลมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อม ครม.ที่ลงมติ พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ ต่อมาในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามมาตรา 157 และส่งให้อัยการ ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จนกระทั่งศาลยกฟ้อง แต่คดีนี้ยังไม่ถึงที่สิ้นสุด เพราะตามกฎหมายสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ซึ่งตามกฎหมายผู้ที่จะสามารถยื่นอุทธรณ์คดีนี้ได้ คือ อัยการ และในขณะนี้ใกล้ครบกำหนด 30 วัน คือ วันที่ 26 ม.ค.นี้ ในการยื่นอุทธรณ์คดี

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวร้อนใจเพราะใกล้วันสิ้นสุดการยื่นอุทธรณ์ และเมื่อกฎหมายเขียนเอาไว้ว่า สามารถจะไปให้ถึงที่สุดได้ ก็อยากให้เรื่องไปถึงที่สุด ไม่ได้หมายความว่าตนต้องการเอาชนะคะคาน หรือเจ็บแค้นอะไรต่างๆ ส่วนตัวไม่มี และเมื่อวานนี้ (23ม.ค.) ตนก็ได้ไปยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุดแล้ว

"ในความเห็นผมคิดว่าคุณยิ่งลักษณ์และคณะ มีเจตนาพิเศษแน่นอน ที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับญาติและพรรคพวก และมีเจตนาที่จะทำให้ผมเสียหาย แต่ว่าศาลยกฟ้อง ผมจึงเห็นว่าควรจะไปให้ถึงชั้นอุทธรณ์ ผมเหมือนนักมวยแม้ไม่ได้เป็นผู้ฟ้องเองแต่ก็เป็นผู้เสียหายในคดี เหมือนนักมวยที่เขาไปจัดชก อัยการก็เปรียบเหมือนโปรโมเตอร์ ที่จับผมไปชก ผมก็แพ้ในครั้งแรก ผมก็อยากจะแก้มือเพราะผมเป็นผู้เสียหาย เมื่อขอแก้มือเองไม่ได้ คนที่จะทำให้ผมแก้มือได้ในชั้นอุทธรณ์ ก็คืออัยการ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสำนักงานอัยการสูงสุดจะเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ไม่ปล่อยให้คดีนี้จบไปในชั้นต้นโดยที่ยังมีความสงสัยกันอยู่" นายถวิล กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (24 ม.ค.) ตนจะไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นต้นเรื่องที่จับเรื่องนี้มาไต่สวน ชี้มูลและนำมาสู่การฟ้องร้อง รวมถึงจะไปขอบคุณที่ได้นำเรื่องนี้ขึ้นมา และขอให้ประสานงานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป 

"แต่เมื่อได้ดำเนินการมาถึงขั้นนี้ ก็อยากให้รักษากระบวนการยุติธรรม ในเมื่อยังไปไม่สุดทาง หากเลิกกลางคันก็จะเป็นที่เคลือบแคลง แต่ถ้าไปถึงที่สุดแล้ว สุดท้ายจะแพ้หรือชนะไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ ผมไม่ได้มุ่งหวังว่าจะต้องชนะให้ได้ อีกทั้งกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอน ตั้งแต่พนักงานสอบสวนไปจนถึงราชทัณฑ์ บางทีมีอะไรที่ไม่ปกติเกิดขึ้นทุกวัน ก็อยากรักษากระบวนการยุติธรรมให้เป็นที่พึ่งของประชาชน สร้างความเท่าเทียมความเสมอภาคให้เกิดขึ้น ไม่อยากให้เรื่องนี้มาเป็นจุดเล็กๆ ที่ทำให้สำนักงานอัยการต้องมีมลทิน" นายถวิล กล่าว

 

นอกจากนี้ ยังหวังว่า ถ้าเวลาจะหมด อัยการสูงสุดหรือสำนักงาน ป.ป.ช. ก็น่าจะไปขอขยายระยะเวลา เพื่อให้มีเวลามากขึ้น ในการดำเนินการเรื่องนี้ให้มันไปถึงที่สุดได้

ด้าน "นายสมชาย แสวงการ" สว. มองว่าเรื่องนี้ยังไม่สิ้นสุดเพียงแต่เป็นอำนาจของอัยการ ดังนั้น อัยการสูงสุดมีหน้าที่และอำนาจ การที่ตรวจสอบและเหลือเวลาในการยื่นอุทธรณ์อีกไม่กี่วัน แต่ยังไม่ดำเนินการใดๆ ก็ทำให้เห็นว่าความยุติธรรมล่าช้า คือ ความอยุติธรรม จึงอยากฝากเรื่องนี้ไปยังอัยการสูงสุด อยากเห็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตั้งแต่ศาล อัยการตำรวจ ราชทัณฑ์ ซึ่งตอนนี้กำลังสั่นคลอนมากสำหรับเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่มีความเสื่อมศรัทธา ตนไม่อยากเห็นองค์กรอัยการถูกกล่าวหา ว่าไม่อุทธรณ์คดีเหมือนหลายคดีใหญ่ที่ผ่านมา

 

"องค์กรอัยการทำหน้าที่เป็นทนายแผ่นดิน เรื่องนี้ยังไม่ยุติและสามารถใช้อำนาจหน้าที่ในกระบวนการอุทธรณ์ได้ จึงเรียกร้องขอให้ช่วยให้ความอนุเคราะห์ทำหน้าที่ให้เต็มกำลังในการยื่นอุทธรณ์ ส่วนศาลจะตัดสินอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่พวกเรารับได้ แต่อย่าตัดต่อกระบวนการยุติธรรมด้วยการไม่ยื่นอุทธรณ์คดี" นายสมชาย กล่าว 

logoline