svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ฉลุย! สภาฯผ่านวาระแรกกฎหมาย"สมรสเท่าเทียม"ด้วยคะแนนเสียงล้นหลาม

21 ธันวาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สภาฯ ผ่านวาระแรก "กฎหมายสมรสเท่าเทียม" ด้วยคะแนน 369 ต่อ 10 เสียง ขณะที่ "ประชาชาติ" ขอใช้สิทธิเห็นต่าง เหตุเป็นพรรคอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขัดกับหลักมุสลิม

21 ธันวาคม 2566 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ "กฎหมายสมรสเท่าเทียม" ในวาระแรก จำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย

  • คณะรัฐมนตรี (ครม.)
  • นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
  • นายสรรเพชญ์ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์
  • ภาคประชาชนที่เข้าชื่อเสนอกฎหมายกว่า 10,000 คน

สำหรับเนื้อหาในร่างกฎหมายที่สำคัญ อาทิ การสมรส และการหมั้น จะกระทำได้ต่อเมื่อบุคคลทั้ง 2 ฝ่าย เมื่ออายุ 17-18 ปีบริบูรณ์แล้ว โดยการสมรสจะสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อได้มีการจดทะเบียนต่อนายทะเบียนแล้ว ซึ่งในการหมั้นแล้ว ฝ่ายใดผิดสัญญา อีกฝ่ายมีสิทธิเรียกให้รับผิดใช้ค่าทดแทน

ส่วนกรณีผู้รับหมั้นผิดสัญญา จะต้องคืนของหมั้นแก่ผู้หมั้นด้วย และคู่หมั้นอีกฝ่าย อาจเรียกค่าเสียหายจากผู้ซึ่งได้ร่วมประเวณีกับคู่หมั้นตนภายหลังการหมั้นได้ และคู่สมรสทุกเพศ ยังมีสิทธิในสินสมรสเหมือนคู่สมรสชายหญิง สิทธิในการฟ้องหย่า การจัดการสินสมรสหลังหย่า สิทธิในมรดก

อย่างไรก็ตาม โดยร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม มีกำหนดใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเวลาเตรียมพร้อมในการดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมยังกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประเมินผลสัมฤทธิ์ตามกฎหมาย ดำเนินการทบทวนกฎหมายในความรับผิดชอบ ที่กำหนดสิทธิ หน้าที่ สถานะทางกฎหมาย หรือเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคู่สมรส สามี ภรรยา เพื่อรองรับสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แก่คู่สมรส

ทั้งนี้ โดยจะต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับเพศสภาพของคู่สมรสด้วย และต้องเสนอร่างกฎหมายที่ควรจะต้องมีการแก้ไขต่อครม. ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่กฎหมายฉบับนี้ใช้บังคับ 

ขณะที่ "นายสมศักดิ์ เทพสุทิน" รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ จะไม่กระทบต่อ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากมีการยกเว้น และให้นำกฎหมายอิสลามมาบังคับใช้แทนแล้ว 

ด้าน "ณชเล บุญญาภิสมภาร" หรือ "ฮั้ว" ตัวแทนประชาชนผู้เสนอร่างกฎหมาย ชี้แจงความแตกต่างเนื้อหาร่างกฎหมายที่เสนอโดยประชาชน ว่า เปิดโอกาสให้บุคคล 2 บุคคล สามารถเป็นบุพการีในการรับบุตรบุญธรรมได้ และให้บุคคล 2 บุคคล มีสิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ เช่นเดียวกับคู่สมรสชาย-หญิงทุกประการ 

ขณะที่ การอภิปรายของ สส.ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายค้านส่วนใหญ่ต่างสนับสนุนร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เพราะการจำกัดการสมรสเฉพาะชายหญิงปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม ที่ความรัก ไม่ได้แบ่งเพียงชาย-หญิง แต่ยังมีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งจากบรรทัดฐานของสังคมไทยในอดีต จึงทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เพราะไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน เช่น สิทธิการตัดสินใจรักษาพยาบาล สิทธิมรดก และสิทธิการจัดการทรัพย์สินร่วมกัน เป็นต้น

จึงเชื่อว่า การสมรสเท่าเทียมจะเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมที่จะยอมรับความแตกต่าง ใช้สิทธิทางเพศของตนเองได้อย่างเต็มที่ และเสริมสร้างโอกาส และความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม และในเชิงเศรษฐกิจ จะช่วยสร้างรายได้จากกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQ+ ได้ เพราะที่ผ่านมา ประเทศไทย เป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย ที่ได้รายได้จากนักท่องเที่ยวกล่ม LGBTQ+ ในภูมิภาคเอเชียกว่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สภาฯผ่านวาระแรก"สมรสเท่าเทียม"

โดยในเวลา 19.05 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเสียงข้างมาก 369 : 10 รับหลักการร่างพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ในวาระแรก จำนวน 4 ฉบับ ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี, นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นายสรรเพชญ์ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และจากภาคประชาชนที่เข้าชื่อเสนอกฎหมายกว่า 10,000 คน

ทั้งนี้ สส.พรรคประชาชาติ รวมไปถึง สส.มุสลิมจากพรรคการเมืองอื่น ๆ ส่วนหนึ่ง ได้ขอใช้สิทธิลงมติไม่รับหลักการ เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าว ยังขัดต่อแนวคิด และความเชื่อของชาวมุสลิมในศาสนาอิสลาม แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ แต่ไม่สบายใจต่อการแก้ไขคู่ชีวิตให้เป็นเพศเดียวกัน เพราะในคัมภีร์อัลกุรอ่าน ระบุคู่สมรส ต้องเป็นเพศชาย และหญิงเท่านั้น จึงทำให้ลงมติไม่รับหลักการ

สำหรับขั้นตอนภายหลังที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติให้ความเห็นชอบรับหลักการร่างกฎหมายทั้ง 4 ฉบับแล้ว ที่ประชุมฯ จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นมาชุดหนึ่ง จำนวน 39 คน เพื่อนำเนื้อหาในร่างกฎหมาย ทั้ง 4 ฉบับ ที่มีการเสนอมาปรับแก้ร่วมกัน ก่อนส่งให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาในวาระที่ 2-3 ตามขั้นตอนต่อไป

นายกฯยินดีผ่านวาระแรก "สมรสเท่าเทียม"

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า ผมขอแสดงความยินดีกับพี่น้อง LGBTQIA+ ทุกท่านที่ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม ได้ผ่านการโหวตวาระที่หนึ่งด้วยคะแนนท่วมท้น วันนี้ก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นแล้วครับ

ฉลุย! สภาฯผ่านวาระแรกกฎหมาย\"สมรสเท่าเทียม\"ด้วยคะแนนเสียงล้นหลาม

logoline