"ยิ้มอ่อน"หรือ"ยิ้มออก"-ปี 71 กองทัพปรับรูปแบบการเกณฑ์ทหารใหม่

เสียงสะท้อนเริ่มชัดขึ้น เมื่อ "กองทัพบก" ยืนยันจะปฏิรูปกองทัพภายในปี 2571 โดยใช้วิธีการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ 100% แต่ปีหน้า จะเปิดรับสมัคร 50-60% ก่อนทยอยปรับให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งอย่าลืมว่าความต้องการทั้งหมด มาจากฝ่ายการเมืองที่เห็นชอบกับแผนดังกล่าว ดังนั้น ท้ายที่สุดจึงต้องรอดูกองทัพ จะเห็นด้วยกับการลดจำนวนกำลังพลมากน้อยเพียงใด แต่สิ่งที่สวนทาง คือ "พลทหาร" หวังยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีกว่าเดิม เพื่อต่อยอดจูงใจคนมาสมัครเป็นทหารมากขึ้น

โดย "ยอร์ช" ธีร์วัฒน์ ชูรัตน์ ได้พูดคุยกับ "​​​​​​จิรายุ ห่วงทรัพย์" โฆษกกระทรวงกลาโหม ฝ่ายการเมือง และ "ปิยรัฐ จงเทพ" สส.กรุงเทพ พรรคก้าวไกล ผ่านรายการ "หาเรื่องคุย" ซึ่งเป็นรายการของเนชั่นออนไลน์ ที่เผยแพร่ผ่าน facebook.com/NationOnline และ youtube ทุกวันจันทร์และพุธ เวลา 19.00 น.เป็นต้นไป 



ซึ่งสัปดาห์นี้รายการ "หาเรื่องคุย" ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวมาคุยในหัวข้อ "ยิ้มอ่อน...กองทัพ...ปรับตัวเลิกเกณฑ์ทหาร ปี 2571" 

นโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารจะช่วยดึงดูดอะไรบ้าง?

จิรายุ ห่วงทรัพย์ บอกว่า 2 เดือน ที่ศึกษาสภาพปัญหาของทหารเกณฑ์ส่วนใหญ่ คือ โดนบังคับ พอไม่อยากเป็นก็จะหาวิธีหลีกเลี่ยง หรือต้องเรียนให้จบหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหาร ผลลัพธ์ คือ คนไม่ต้องการเป็นทหารแทบทั้งสิ้น ถามว่าไม่อยากเป็นทหารก็เพราะ เสียเวลา และหลายคนห่วงว่าหลังเกณฑ์ทหารออกมาตนเองจะหมดอนาคต 

 

"สิ่งที่ผมมองไว้คืออยากให้ทหารใหม่ทุกราย ได้ใบรับรองการฝึกวิชาชีพติดตัวออกไปไว้ใช้หางานทำในอนาคตได้ กรณีสำหรับคนที่ไม่อยากเป็นทหารต่อ ส่วนคนเคยเป็นทหารแล้วอยากเป็นต่อไป หรืออยากเป็นนายสิบ ก็ให้ดูที่ความสามารถตั้งแต่ผลการเรียน สภาพร่างกาย ของแต่ละบุคคลว่าจะไปต่อได้ไหม"  

แต่หลายคนยังคาดหวังเรื่องเงินเดือนของทหารเกณฑ์ที่น้อยเหลือเกิน?

จิรายุ กล่าวว่า การลดจำนวนพลทหารใหม่ให้ได้ 20-30% จาก 1 แสนนาย ในงบประมาณส่วนนี้จะช่วยเติมเต็มให้กับทหารที่สมัครใจ ซึ่งจะเพิ่มให้ตามค่าครองชีพที่ปรับตัวขึ้น ณ ปัจจุบัน โดยช่วยให้ไม่ต้องไปพึ่งงบประมาณส่วนกลาง ซึ่งรมว.กลาโหม พร้อมกับผบ.เหล่าทัพ เห็นตรงกันว่าให้รีบไปศึกษาในส่วนนี้ 



แล้วเหตุการณ์พลทหารใหม่โดนนำไปรับใช้บ้านผู้บังคับบัญชายังจะเห็นภาพแบบนี้อีกไหม?

โฆษกกระทรวงกลาโหม ย้ำว่าการไปทำงานบ้านผู้บังคับบัญชาถือว่าเป็นงานพิเศษอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากหลักสูตรทหารที่ทุกคนต้องเรียนและฝึกในค่ายตามปกติ ส่วนผู้บังคับบัญชาทั้งหลายที่นำทหารใหม่ไปทำงานที่บ้านนั้น ต้องดูแลเรื่องเบี้ยเลี้ยงให้ต่างหาก เพื่อเป็นค่าตอบแทน 

จะเป็นไปได้หรือไม่ถ้าหากไม่ต้องโดนเรียกไปรับใช้?

​​​​​​​จิรายุ ยอมรับว่า เคยมีการพูดคุยกันเรื่องเหล่านี้ ยกตัวอย่าง หากมีนายพลด้านงานช่าง เรียกตัวทหารใหม่ไปรับใช้ ก็ต้องให้ความรู้ และสอนในด้านนั้นๆ แก่พลทหารด้วย ไม่ใช่ให้ไปรับใช้เพียงอย่างเดียว ก่อนจะออกใบรับรองให้ และมองว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์

ส่วนการทำร้ายร่างกายพลทหารใหม่มั่นใจว่าลดน้อยลงเรื่อยๆกว่าสมัยก่อน เพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไปโลกโซเชียลคนเข้าถึงง่ายขึ้นมาก ไม่ได้หมายความจะหมดไปเสียทีเดียว เชื่อว่าจะค่อยลดน้อยลงจนเป็นศูนย์ 

ทำไมไม่ยกเลิกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยตั้งแต่ตอนนี้ ทำไมต้องรอถึง ปี 70 ? 

โฆษกกระทรวงกลาโหม เล่าว่า ส่วนตัวก็เคยคิดเช่นนั้น แต่ในความจริงยังทำไม่ได้ในทันที แต่หลังจากนี้อีก 3 ปีข้างหน้า เชื่อว่าทำได้ แต่ต้องใช้เวลา เผลอๆเมื่อนโยบายทั้งหมดเสร็จ ตามความเห็นพ้องจากฝ่ายการเมืองและกองทัพ อาจได้เห็นภาพนั้นเร็วกว่าปี 70 แต่ช้าสุดทางกองทัพบอกในที่ประชุม เชื่อว่าน่าจะไม่เกินปี 71 จะยกเลิกเกณฑ์ทหารได้ทั้งหมดแน่นอน แต่ทั้งหมดทั้งมวลรัฐบาลต้องสนับสนุน จะให้กองทัพคิดหรือทำฝ่ายเดียวคงไม่เกิดขึ้น 

ได้ข่าวว่าเปลี่ยนไปหลังได้พูดคุยทำความเข้าใจกับกองทัพ เรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหาร?

โดย ปิยรัฐ ระบุว่า จะให้วิจารณ์อย่างเดียวก็คงไม่ใช่ ภายหลังคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ได้ร่วมหารือ และทำความเข้าใจกับทางกองทัพ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย ได้เปิดอกแลกเปลี่ยนปัญหาต่อกัน โดยทหารพร้อมตอบข้อสงสัยทุกเรื่องทำให้บรรยากาศมันดีขึ้น 



อะไรคือเป้าหมายที่คืบหน้าสำหรับการยกเลิกเกณฑ์ทหาร?

ปิยรัฐ กล่าวว่า ตามจริงที่ผ่านมาก้าวไกลอยากให้มีการยกเลิก พ.ร.บ.เกณฑ์ทหาร ไปเลยด้วยซ้ำ เพื่อมีการเปิดรับแบบสมัครใจ แต่ยังไม่มีใครการันตีรัฐบาลจะอยู่ครบเทอม หากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ นโยบายอาจถูกยกเลิกก็ได้ เพราะถ้ารัฐบาลอยู่ไม่ถึงปี 71 อะไรจะเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นแค่นโยบายหาเสียง แล้วใครจะรับผิดชอบ

"เข้าใจในบริบทของทหารที่ยังกลัวเรื่องด้านความมั่นคง หากจำเป็นต้องลดกำลังพล แต่กองทัพยังไม่ได้มองมิติอื่น เมื่อพวกเขาเหล่านั้นต้องสูญเสียเวลาทำมาหากิน ก็จะส่งผลให้เราเสียทรัพยากรในการส่วนนี้ไปอีกหลายปีขณะที่รับใช้ประเทศ เช่น ลูกต้องไม่มีพ่อที่รับใช้ชาติเป็นเวลากี่ปีก็ตาม เด็กอาจจะกลายเป็นปัญหาของสังคมได้ด้วย บางคนบ้านแตกก็มีให้เห็น อีกทั้งปัญหาระหว่างประเทศหรือสงคราม เราก็ไม่ได้ต้องเผชิญในเวลานี้ด้วยซ้ำ เชื่อว่ายุคใหม่ของการสู้รบในสงครามเน้นไปที่อาวุธและเทคโนโลยี ใครทันสมัยกว่ากันชนะ ไม่มีใครเน้นที่กำลังทหาร ไม่มีใครเอากำลังทหารมาวิ่งรบใส่กันเหมือนสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ อีกต่อไปแล้ว"

ติดใจอะไรกับแนวทางหลังได้หารือกับกองทัพ? 

สส.ก้าวไกล ย้ำว่า ทางกองทัพระบุมาต้องการเวลา ทำให้ติดใจว่า หากนโยบายของรัฐเปลี่ยน ใครจะรับผิดชอบ แล้วนโยบายของกองทัพบกจะเปลี่ยนไปด้วยหรือไม่ แต่กองทัพบกบอกว่าการยกเลิกเกณฑ์ทหาร เป็นนโยบายขององทัพบกที่กำหนดมาก่อนรัฐบาลปัจจุบันด้วยซ้ำ