
10 ธันวาคม 2566 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แสดงความยินดีกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ภายหลังที่ประชุมใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ มีมติเห็นชอบให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค และอดีต ส.ส. จาก จ. ประจวบคีรีขันธ์ 4 สมัย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค คนที่ 9 ด้วยคะแนน 88.5% จากองค์ประชุมทั้งหมด
นายสามารถ กล่าวว่า มีโอกาสได้เอาพวงมาลัยไปกราบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เนื่องในโอกาสคล้ายวันพ่อที่ผ่านมาซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 5 ที่ผมทำติดต่อกัน พอช่วงเที่ยงจึงมีโอกาสได้ร่วมรับประทานอาหาร กับเพื่อน ส.ส. ที่โรงแรมมิราเคิล ทั้งนายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ลูกชายของนายนริศ ขำนุรักษ์ นายปรพล อดิเรกสาร และนายสมเกียรติ กอไพศาล เลขาส่วนตัวของนายเฉลิมชัย ซึ่งต่างก็ดีใจอย่างล้นหลามการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ฉะนั้นผมว่าทุกคนควรนับถือน้ำใจของนายเฉลิมชัย ที่เอาปัญหาและภาระของส่วนรวมมาไว้ที่ตัวเอง เพราะแม้เจ้าตัวเคยประกาศจะไม่รับตำแหน่ง หากพรรคประชาธิปัตย์ได้ไม่ถึง 50 เสียงแล้วในครั้งนั้น แต่จากการประชุมของพรรค ที่องค์ประชุมไม่ครบ ทำให้ต้องล่มมาตลอด 2ครั้งก่อนหน้านี้
หากครั้งนี้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ไม่รับตำแหน่ง พรรคประชาธิปัตย์อาจถูกยื่นยุบพรรคอย่างแน่นอน เนื่องจากจัดประชุมพรรคไม่ได้ภายใน 1 ปีตามกฏหมาย
อีกทั้ง 4 ปีที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ถือว่าเป็นปูชนียบุคคล ที่ทำงานหนักในตำแหน่งเลขาธิการพรรคและรักษาการเลขาธิการพรรคมาโดยตลอด ดังนั้นไม่ควรมองว่าเป็นการตระบัดสัตย์ แต่ให้มองว่าทำเพื่อส่วนรวม ซึ่งในอดีตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ย้อนไปสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่พระเจ้าเอกทัศน์ ไปขอให้น้องชายพระเจ้าอุทุมพรที่ยอมสละตำแหน่งออกบวชเป็นพระแล้วให้มาช่วยเป็นกษัตริย์นำทัพออกรบ พระเจ้าอุทุมพรก็ยังยอมลาสิกขาเพื่อมาเป็นแม่ทัพขับไล่พม่าเพื่อประชาชน นับประสาอะไรกับนายเฉลิมชัยที่เป็นคนธรรมดา หากไม่รับตำแหน่ง ไม่ใช่แค่พรรคที่จะถูกยุบ รวมไปถึงไม่ใช่แค่สมาชิกพรรคเท่านั้นที่จะลาออก แต่จะมี ส.ส.ออกจากพรรค และพรรคจะต้องถูกยุบอย่างแน่นอน
ดังนั้นผมจึงเทียบเคียงกับกรณี “พระเจ้าเอกทัศน์ไปขอให้น้องชายมาช่วยเป็นกษัตริย์ น้องชายที่เคยสละราชสมบัติไปแล้ว ลาทางโลกไปแล้วทั้งยังบวชเป็นพระ แต่ยังต้องยอมลาสิกขา มาเป็นกษัตริย์เป็นคนนำทัพไล่พม่าให้พ้นขอบขัณฑสีมา ในเมื่อขนาดมีวลีว่า กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ แต่ถ้ากษัตริย์ต้องทำเพื่อไพร่ฟ้าประชาชน ณ เวลานั้น ก็ยอม นับประสาอะไร กับเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่เป็นประชาชนคนธรรมดา วันนี้ถ้าท่านไม่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคแตก ที่แตกคือ ส.ส. ไม่ใช่แค่ สมาชิกพรรคที่เดินออกแต่ จะเป็น ส.ส.ที่เดินออกจากพรรค แล้วนายเฉลิมชัย จะปล่อยให้พรรคถูกยุบ ก็เปรียบเสมือนให้บ้านที่อยู่อาศัยนั้นถูกไฟไหม้ได้อย่างไร สมมุติถ้าวันนี้ประชุมไม่ได้ แล้วมีคนไปร้องยุบพรรค พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเลยนะ ฉะนั้นที่มีคนเคยบอกว่าพรรค ปชป.มีประวัติศาตร์ยาวนานมากกว่า 70 กว่าปี มันก็จะเหลือศูนย์ในทันที
นายสามารถ กล่าวด้วยว่า ตนพูดในฐานะที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยชื่นชอบการอภิปราย ส.ส.หลายคนในอดีต และคาดหวังในอนาคตทางการเมืองของพรรค ป.ช.ป.เมื่อมีนายเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าแล้ว ก็คงต้องเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ในวันนี้ยังไม่ได้ร่วมรัฐบาล ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง เหมือนอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ยึดถือมาหลายสิบปี และหากมองภาพเปรียบเทียบแล้วอดีตพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เคยทำได้ถึง 18 ล้านกว่าคะแนน มากกว่าพรรคก้าวไกลที่ทำได้เพียง 14 ล้านคะแนน หากพรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง ตนมั่นใจว่า 18 ล้านคะแนนนั้นจะกลับมาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ขอให้คนที่แพ้เปิดใจให้กว้าง ถ้าไม่ชอบใจก็ย้ายพรรค การเมืองไม่มีอะไรซับซ้อน ดังเช่น ต้นไม้จะเติบโตอย่างรวดเร็ว ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีทั้งนี้ตนขอแสดงความยินดีกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ตลอดจนกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทุกคน