svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"อภิสิทธิ์"ลาออกสมาชิกพรรค หลัง"ชวน"เสนอชื่อชิงหัวหน้า ปชป.

"อภิสิทธิ์"ลาออกสมาชิกพรรค หลัง"ชวน"เสนอชื่อชิงหัวหน้า ปชป. ด้าน"จุรินทร์" ให้กำลังทุกคนลงชิงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ "ชัยชนะ" ชี้เป็นการประชุมครั้งที่ 3 ย้ำขอให้ยอมรับความเปลี่ยนแปลง

9 ธันวาคม 2566 นับเป็นวันชี้ชะตาอนาคตพรรคประชาธิปัตย์ หลังกำหนดให้วันนี้ (9ธ.ค.) เป็นการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารชุดใหม่ 

โดย "นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวก่อนการประชุมว่า วันนี้ขึ้นอยู่กับการที่ทุกคนจะช่วยกัน ส่วนตัวแล้วหวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย 

ส่วนกระแสข่าวว่า "นายชวน หลีกภัย" อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเสนอชื่อ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น จะกลายเป็นสามเส้าในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเท่ากับว่าจะมี น.ส.วทันยา บุนนาค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่การแข่งขันในพรรคเป็นเรื่องปกติ 

 

"การตัดสินใจ ผมขอสงวนสิทธิ์เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่จะเข้ามาพัฒนาพรรค โดยยึดถือประโยชน์ของพรรค" นายจุรินทร์ กล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม และคิดว่าภารกิจของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่อย่างน้อยมี 2 เรื่อง เฉพาะหน้าที่จะต้องทำ

  • เรื่องแรก คือ การทำหน้าที่ในสภา ให้มีความเข้มแข็ง เป็นการทำหน้าที่แทนคนไทยทั้งประเทศ
  • เรื่องสอง คือ ภารกิจในการพัฒนาพรรคให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ หรือทำให้ดีขึ้น เพื่อที่จะเป็นที่ยอมรับของประชาชนต่อไปในอนาคต

ขณะที่ นายชวน กล่าวถึงจะมีการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ ลงชิงหัวหน้าพรรค ว่า ขอให้ถึงเวลา แล้วจะบอกอีกครั้ง ส่วนกังวลหรือไม่เพราะเสียง สส. 21 คน มีความชัดเจนในการสนับสนุนนายเฉลิมชัย นั้น อย่างน้อยการเลือกหัวหน้าพรรคก็เป็นไปตามกระบวนการ ตามระเบียบและข้อบังคับ อีกทั้งการเลือกหัวหน้าพรรคไม่ใช่ความขัดแย้ง

 

"อย่างที่เข้าใจกันในแต่ละครั้ง บางครั้งก็ไม่มีปัญหา เหมือนเช่นครั้งที่ผมแข่งกับท่านมารุต ตอนผมชนะท่านมารุตก็มาช่วยเป็นหัวหน้า ดังนั้น การเลือกหัวหน้าก็เป็นไปตามวาระตามปกติของพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมขอให้กำลังใจทุกคนที่ลงแข่งขัน" นายชวน ระบุ

 

ขณะเดียวกัน เพียงใครก็ตามเป็นหัวหน้า ยังไงก็ขอให้บริหารพรรคตามอุดมการณ์ คือ การเมืองบริสุทธิ์ และความซื่อสัตย์สุจริต ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาบันการเมือง ไม่ใช่เพียงเพราะมีอายุยาวกว่าคนอื่นเท่านั้น แต่เพราะว่ายึดสิ่งเหล่านี้

 

"หากเมื่อไหร่ ที่เป็นพรรคการเมืองที่โคตรโกง โกงทั้งโคตร ถึงจะอายุยาวเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นสถาบันได้ เพราะฉะนั้นผู้บริหารพรรคการเมืองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ต้องมองผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน และอนาคตของระบอบประชาธิปไตยด้วย ไม่ใช่เพื่อเอาตัวรอดของพรรคเพียงอย่างเดียว" นายชวน ระบุ  

 

ส่วนถ้านายเฉลิมชัย ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคขึ้นมาจริงๆ นายชวน ตอบกลับว่า สมาชิกเลือกใครเป็นหัวหน้าก็เป็นไปตามสมาชิก

ด้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบกระแสข่าวที่นายชวน จะเสนอชื่อตนเองชิงหัวหน้าพรรค

เมื่อถามย้ำว่า นายชวนไม่ได้ปฏิเสธคำถามแต่บอกว่าให้รอดูในที่ประชุม โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบจริงๆ "ขนาดท่านยังไม่ตอบคุณเลย"

เมื่อถามย้ำอีกว่า นายชวนบอกว่าให้ขอรอเวลา นายอภิสิทธิ์ตอบกลับว่า รอให้ถึงเวลาก่อนค่อยว่ากัน

สำทับด้วย "นายชัยชนะ เดชเดโช" สส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรักษาการรองเลขาธิการพรรค กล่าวว่า การประชุมวันนี้ คิดว่าทุกคนก็รู้หน้าที่ของตัวเองที่ต้องมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ถ้าการเลือกหัวหน้าพรรคมีการเคลื่อนไหวไม่ให้เข้าประชุมล้มเลือกตั้ง แล้วจะไปรณรงค์ให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งคงไม่ได้ ดังนั้น คิดว่าวันนี้การประชุมจะราบรื่น

 

"เพราะครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว หากทุกคนรักพรรค ก็จะต้องทำให้พรรคเดินไปได้ เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่จะต้องมีการเปลี่ยนผู้นำองค์กรทุก 4 ปี หากเราอยู่ภายใต้องค์กรนี้ก็ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ 100% ใครมาเป็นผู้นำก็ต้องทำงานร่วมกันให้ได้ และผมก็อยู่ในองค์กรนี้มานาน ก็ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคก็ตาม" นายชัยชนะ กล่าว

 

ทั้งนี้ ขออย่าเรียกว่า เป็นความขัดแย้ง เพราะประชาธิปัตย์ เปิดโอกาสให้ทุกคนลงรับสมัครเลือกตั้งหัวหน้าพรรค จะเรียกความขัดแย้งไม่ได้ ในการลงสมัครเลือกหัวหน้าพรรค เป็นสิทธิเสรีภาพของสมาชิก เมื่อบอกว่าพรรคเป็นพรรคประชาธิปไตยก็ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง

ส่วนการจะขอมติงดเว้นข้อบังคับในวันนี้นั้น ตนเองไม่ทราบว่าคนอื่นคิดยังไง แต่ตนจะยกมือให้มาดามเดียร์ ให้เสียงถึง 3 ใน 4 ขององค์ประชุม เพื่อเปิดโอกาสให้เข้าสู่สนามเลือกตั้ง เพราะประชาธิปัตย์เป็นพรรคประชาธิปไตยที่ไม่มีเจ้าของพรรค เปิดโอกาสให้ทุกคนที่ปรารถนาดีกับพรรคเข้าสู่การเลือกตั้ง ส่วนการเลือกหัวหน้าพรรคจะเลือกใครเป็นอีกเรื่อง

ส่วน "นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน" รักษาการหัวหน้าพรรค จะตอบรับหรือไม่นั้น มองว่า สส.และตัวแทนสาขาพรรค ได้แสดงเจตนารมย์ในการไปเชิญนายเฉลิมชัย มาลงหัวหน้าพรรค ส่วนนายเฉลิมชัย จะตัดสินใจรับหรือไม่รับขึ้นอยู่กับนายเฉลิมชัย และ 2 วันที่ผ่านมา พวกตนได้แสดงถึงจุดยินและความตั้งในของ สส.แล้ว เพราะเห็นว่า นายเฉลิมชัย มีความเหมาะสม สามารถที่จะยุติความขัดแย้งได้มากที่สุด อาจจะไม่ทั้งหมดแต่ให้เหลือน้อยที่สุด และวันนี้เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และคิดว่าตำแหน่งหัวหน้าพรรค ไม่มีตัวสำรอง และหากนายเฉลิมชัยไม่รับตำแหน่ง ก็คงต้องหารือกันใหม่

เมื่อถามถึงกระแสข่าวจะมีการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ ลงชิงตำแหน่งด้วยนั้น นายชัยชนะ ระบุว่า ทุกคนเป็นคนที่มีความสามารถ หากถูกเสนอชื่อในที่ประชุม แต่การเลือกตั้งเลือกได้แค่คนเดียว ว่าใครที่เหมาะสมในเวลานี้มากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายบรรยากาศก่อนที่ นายอภิสิทธิ์ จะเดินเข้าห้องประชุม มี "นายสรรเพชญ บุญญามณี" สส.สงขลาเดินประกบนายอภิสิทธิ์ และเมื่อเข้าไปในห้อง นายอภิสิทธิ์ได้ทักทายกับ "นายสาธิต ปิตุเตชะ" และ "นายอัศวิน วิภูศิริ" โดยเป็นที่สังเกตว่าวันนี้ นายอภิสิทธิ์ มีสีหน้าหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

โดยสาเหตุที่อารมณ์ดี นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามกลับสื่อมวลชนว่า "ผมเคยอารมณ์เสียหรอ ก่อนที่จะหัวเราะพูดคุยหยอกล้อกับสื่อมวลชน"

"อภิสิทธิ์"ลาออกจากสมาชิกพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพักการประชุม 10 นาที นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนจะขอถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครลงชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค  และขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค แต่ยืนยันกับทุกคนว่าตนจะไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดออกมาก็เป็นสีฟ้า 

วันข้างหน้าหากในพรรคคิดว่าตนจะเป็นประโยชน์ช่วยได้ ตนก็ไม่ปฏิเสธ แต่วันนี้เพื่อให้ท่านทำงานต่อไป ไม่ต้องหวาดระแวง ขอขอบคุณทุกคน หวังว่ากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะทำงานได้สำเร็จ 

"สาธิต"ยก 4 เหตุผลโบกมือบ๊ายบาย

อย่างไรก็ตาม ภายจากได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ โดย "นายสาธิต ปิตุเตชะ" อดีตรองหัวหน้าพรรค ก็ได้ประกาศลาออกจากสมาชิกพรรค พร้อมกับระบุเหตุผล 4 ข้อว่า

  1. สถานการณ์ของพรรคมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงอุดมการณ์เป็นอย่างมาก
  2. เป็นการประชุมเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ที่เหมือนกับรู้ผลมาก่อนล่วงหน้า จะเห็นได้จากเหตุการณ์การจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา ที่มีการไปลงมติให้ "นายเศรษฐา ทวีสิน" เป็นนายกฯ ทั้งที่พรรคมีมติแล้วว่าให้งดออกเสียง ถือเป็นความชัดเจนว่าทิศทางของพรรคในเชิงอุดมการณ์การเปลี่ยนแปลง
  3. ยังมีกลุ่มหนึ่งในพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับคำว่าพรรคพวก มากกว่าจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน จึงอาจทำให้มองไม่เห็นทิศทางการนำพาพรรคในอนาคตที่ชัดเจน ว่าจะเปลี่ยนไปในทิศทางใด เพราะปราศจากจุดยืนทางการเมือง 
  4. ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เปิดโอกาสให้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทั้งที่ในที่ประชุมมีผู้เสนอตัวลงสมัครหัวหน้าพรรค โดยต้องใช้การงดเว้นข้อบังคับโดยใช้เสียง 3 ใน 4 รวมถึงบุคคลที่จะมานำพาพรรคก็ไม่รักษาสัจจะวาจา

 

"ซึ่งอย่าว่าแต่จะเป็นผู้บริหารพรรคเลย แม้แต่เป็นนักการเมืองก็เป็นไม่ได้ เพราะคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชนเปรียบเสมือนนโยบายที่ต้องรักษา หากพรรคหรือนักการเมืองมีคุณสมบัติแบบนี้มานำพาพรรค อนาคตพรรค จะถูกประชาชนลงโทษ ผมจึงขอตัดสินใจลาออกสมาชิกพรรค โดยจะขอติดตามและเฝ้าดู และหากมีโอกาส ก็จะกลับมาร่วมงานในครั้งต่อไป" นายสาธิต กล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจจะไปอยู่พรรคไหน ย้ำว่าการลาออกครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของตนคนเดียว แต่ก็คิดว่าจะมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่มีแนวความคิดตรงกัน ลาออกตามมาด้วย ทั้งนี้ ก็เป็นเรื่องของการตัดสินใจแต่ละบุคคล ตนไม่ได้ชวนใคร