svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เฉลิมชัย ร้อง คำพูด เลิกเล่นการเมือง ทำตนเป็นศพ ชี้ 9 ธ.ค.รู้ ตัดสินใจอย่างไร

08 ธันวาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"นราพัฒน์-เดชอิศม์-ชัยชนะ" พร้อมสมาชิกสาขาพรรคแห่ให้กำลังใจ "เฉลิมชัย" ชิงผู้นำ ปชป. เจ้าตัว ขอคุยและคิดก่อน พรุ่งนี้ได้คำตอบแน่นอน ชี้ คำพูดเลิกเล่นการเมือง ทำตนเป็นศพแล้ว แต่ยังเหลือวิญญาณที่มีสำนึก

8 ธันวาคม 2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์ บรรยากาศบริเวณหน้าพรรคได้มี มีสส. พร้อม สมาชิกพรรค นำโดย "นายนราพัฒน์ แก้วทอง" รักษาการรองหัวหน้าพรรค ซึ่งเคยเสนอตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค จากการประชุมที่ 2 ครั้งที่ผ่านมา มาให้กำลังใจและส่งเสียงเชียร์ พร้อมมอบช่อและกระถางดอกไม้ให้กับ "นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน" รักษาการหัวหน้าพรรคและรักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมขอให้ลงชิงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป

โดยนายนราพัฒน์ กล่าวว่า ได้มาแสดงเจตนารมณ์ว่า ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยมาตลอด แต่วันนี้ได้เห็นภาพ สส.ลงชื่อสนับสนุนนายเฉลิมชัยให้เป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป ให้กลับมาทำพรรคเป็นที่ชื่นชมชื่นชอบของประชาชน  อยู่ในความความรู้สึกที่ดีของประชาชน เพื่อทำให้พรรคเป็นหนึ่งเดียว จึงมายืนยันว่าตนเป็นหนึ่งเสียง พร้อมที่จะสนับสนุนนายเฉลิมชัยให้นำพาพรรคไปในทางที่ถูกที่ควร และกลับมาเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาปัญหาภายในบางอย่างทำให้พรรคไม่มีเอกภาพ เห็นว่า สส. 21 คนได้ตัดสินใจแล้ว จึงมาสนับสนุนอยากให้นายเฉลิมชัยรับตำแหน่ง และเป็นความหวังของประชาชนต่อไป

สมาชิกตบเท้าให้กำลังใจ เฉลิมชัย พร้อมเชิญชิงหัวหน้าพรรคปชป.

ขณะที่ "นายเดชอิศม์ ขาวทอง" รักษาการรองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า วันนี้ (8 ธ.ค.) เป็นสักขีพยานกับพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ สส. 21 คน ได้หารือร่วมกัน โดยเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นกันทุกคน ย้อนกลับไปดูการประชุมสมัยสามัญครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง ไม่มีชื่อนายเฉลิมชัย แสดงให้เห็นว่า นายเฉลิมชัยไม่ได้มีการวางแผน

 

"เหตุการณ์อย่างนี้ต้องพึ่งท่านเฉลิมชัยมากอบกู้พรรค ทั้งที่เคยลั่นวาจาว่า จะเลิกการเมือง ที่พูดเป็นเหตุการณ์ที่พรรคกำลังจะล่มสลาย มีเลือดไหลออก การตัดสินใจในวันนั้นเป็นความเด็ดเดี่ยวของผู้นำ ถ้าไม่ทำวันนั้นพรรคอาจจะไม่ได้ สส. ถึง 25 คน ท่านไม่เคยขาดตกบกพร่องและมั่นใจว่าเป็นคนเดียวที่ชนะใจ สส. และผู้สมัคร ท่านเสียสละมาทั้งชีวิตแล้วจึงขอร้องให้เสียสละอีกครั้ง ความรักความศรัทธาซื้อกันไม่ได้เพราะออกจากใจ ฝากไปบอกคนที่ไม่เข้าใจ อย่ามาโจมตีท่านเฉลิมชัยเลย วันนี้จึงจะเรียนเชิญท่านมาเป็นผู้นำ" นายเดชอิศม์ กล่าว

 

นายเดชอิศม์ กล่าวต่อ เท่าที่ดูท่าทีของนายเฉลิมชัย ยัง 50-50 แบ่งรับแบ่งสู้ แต่ก็ยังคิดว่าน่าจะรับเป็นหัวหน้าพรรค เพราะถ้าตอบรับจะลงตัวที่สุด พรรคเป็นเอกภาพ เป็นคนที่มีคอนเนคชั่น ณ เวลานี้ หากนายเฉลิมชัย รับเป็นหัวหน้าพรรค ตนก็จะรับเป็นเลขาธิการพรรค แต่หากเป็นคนอื่น ตนไม่รับแน่นอน ขอให้เอาพรรคเป็นที่ตั้ง อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง มั่นใจว่าพรรคประชาธิปปัตย์ฟื้นได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้

เฉลิมชัย ร้อง คำพูด เลิกเล่นการเมือง ทำตนเป็นศพ ชี้ 9 ธ.ค.รู้ ตัดสินใจอย่างไร

ด้าน นายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรค กล่าวว่า วันนี้เป็นจุดเริ่มต้น ที่จะเข้าสู่ปีที่ 78 โดย สส.เห็นตรงกันว่า นายเฉลิมชัยทุ่มเท เหน็ดเหนื่อยเพื่อพรรค ไม่มีข้อครหาทุจริตคอรัปชัน การที่จะไปกล่าวหาใครที่ขึ้นมาบริหารพรรคแล้วทำอย่างโน้นอย่างนี้ นั่นเป็นความฝัน ห่วงพรรคกับหวงอำนาจมันต่างกัน วันนี้ตนในฐานะน้องคนเล็ก ไม่ว่าพายุ อุทกภัย ความแปรปรวนจะเข้ามาอย่างไร จะไม่สามารถทำให้เราสามคน ทั้งนายเฉลิมชัย นายเดชอิศม์ และนายนราพัฒน์ ที่เป็นลูกผู้ชายแตกแยกกันได้

ส่วน นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต สส.พรรค กล่าวว่า ขนะนี้พรรคทรุดโทรมตกต่ำเป็นอย่างยิ่ง และคาดว่าจะทรุดโทรมไปมากกว่านี้ ดังนั้นนายเฉลิมชัยจึงเหมาะที่จะเข้ามาฟื้นฟู ขอให้ท่านรับตำแหน่งนี้ และพวกเราไว้วางใจรอดูผลงานของท่านว่าจะเกิดอะไรขึ้น เชื่อว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

หลังจากนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวเปิดใจว่า เข้าใจความรู้สึกความห่วงใยของสมาชิกทุกคน ต้องตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ (9ธ.ค.) จะเดินหน้าต่อหรือไม่ วันนี้มารู้ถึงความรู้สึกและเหตุผลของ สส. และสมาชิกพรรค ตนไม่เคยใช้อำนาจและยึดหลักการของพรรคประชาธิปัตย์มากคนหนึ่ง ไม่เคยสั่งให้ทำโน่นทำนี่ เพราะฉะนั้นตนก็ยังเป็นตน และต้องมีคำตอบให้กับตัวเองไม่ต้องห่วงว่าเคยพูดอะไรไป ตนรู้ว่าตนเคยพูดอะไรไป

ทั้งนี้ แต่อีกมุมหนึ่งทุกคนก็ต้องรู้ว่า เพราะอะไรมีความจำเป็นต้องพูดอย่างนั้น ยืนยันจะไปคุย สส. อีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ อึดอัดตรงไหน พร้อมย้ำว่า ทุกคนรู้ว่าตนรักพรรคประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์คือส่วนหนึ่งของตัวตน ทุกคนจึงมีความรู้สึกว่า ตนควรจะกลับเข้ามา ตนก็เป็นคน การตัดสินใจไม่ว่าอะไรก็มีแต่เสมอตัวกับขาดทุน

 

"ผมมีสำนึก สิ่งที่ผมเรียกหากับประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาคือ สำนึก วันนี้สิ่งที่พูดไปผมเป็นศพไปแล้ว เหลือแต่วิญญาณ และวิญญาณผมก็ยังมีคุณค่า ถึงผมจะมีแค่วิญญาณ ผมก็สำนึก จึงจะคุยบวก ลบ คูณ หารเหตุผล ถ้าจะทำให้ประชาธิปัตย์เดินหน้าไปได้ก็จะพิจารณา แต่ถ้ามีเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาธิปัตย์ต้องแตก เลือดไหลไม่หยุด ก็ต้องพิจารณาเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้ จะมีคำตอบอย่างแน่นอน" นายเฉลิมชัย กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันนี้นายเฉลิมชัยได้เชิญ สส. ไปพูดคุยเพื่อซักถามเหตุผลที่แท้จริง ที่บ้านพักก่อนตัดสินใจว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในวันที่ 9 ธ.ค.นี้หรือไม่

ขณะที่ "นายวิรัช ปิยพรไพบูลย์" นายกสมาคมอุตสาหกรรมสับปะรดไทย เจ้าของโรงงานสับปะรดกระป๋องที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ , อดีตประธานหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของ นายเฉลิมชัย และยังเป็นบิดาของ นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.เขต 2 ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์หลังจากน้องชายได้รับการเสนอชื่อลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ระบุว่า ตนเองยังไม่ทราบรายละเอียด ถือเป็นเรื่องที่สมาชิกพรรคจะดำเนินการไป ทุกอย่างอยู่ที่สมาชิกพรรค

ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่ได้เจอกับนายเฉลิมชัย และไม่ได้ถามด้วย เพราะเรื่องวุ่นๆ แบบนี้ตนเองไม่อยากยุ่งเกี่ยว ขณะเดียวกันน้องชายก็ไม่ได้หารือมา เพราะนายเฉลิมชัยทราบ ถ้าตนเองมีความเห็นอะไ รก็จะบอกไปเอง แต่ตนเองเฉยๆ ส่วนเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วหรือไม่ หรืออาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไรนั้น ตนเองไม่ทราบ แต่ขณะนี้พรรคค่อนข้างแตกแยกวุ่นวาย ก็อาจต้องการคนที่สามารถประสานความสามัคคีภายในพรรคได้

 

"ไม่ทราบว่ามาก่อนว่า นายเฉลิมชัย จะได้รับการทาบทามเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นเรื่องที่สมาชิกพรรคและกรรมการพรรคจะพิจารณากัน สำหรับการลงคะแนนคัดเลือกในวันพรุ่งนี้ ผมเองจะเดินทางไปด้วย" นายวิรัช ระบุ

 

เมื่อถามว่า พรุ่งนี้จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่หรือไม่ นายวิรัช หัวเราะเบาๆ ก่อนตอบว่า ถึงเวลาต้องเลือกแล้ว ถ้าไม่เลือกก็ไม่ได้ ส่วนจะมีภาพความแตกแยกลักษณะที่ผู้แพ้จะออกจากพรรคไปอีกหรือไม่ ตนเองไม่สามารถตอบได้ ในระบอบประชาธิปไตย แพ้ชนะถือเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อทุกคนบอกว่าเป็นนักประชาธิปไตย แพ้ก็ต้องแพ้ ชนะเป็นชนะ ว่ากันไป

สำหรับความชัดเจนว่า นายเฉลิมชัย จะลงชิงตำแหน่งด้วยหรือไม่ ส่วนตัวไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ เพราะนายเฉลิมชัย ก็ยังไม่ตัดสินใจอะไร เท่าที่ฟังคือไม่ใช่ความคิดของนายเฉลิมชัย เป็นการเสนอขึ้นมา ทั้งนี้ นักการเมืองทุกคนก็หวังที่จะเดินไปข้างหน้า แต่ก็ไม่แน่ นักการเมืองใหญ่ๆ หลายคน ถึงเวลาก็เปลี่ยนแปลง สำหรับตนเองเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มากว่า 50 ปี ด้านนายเฉลิมชัยก็ไม่เคยพูดว่าจะไปไหน 

ผู้สื่อข่าวยังถามย้ำว่า พรุ่งนี้จะได้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตัวจริงแน่นอนหรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า วันนี้คงมาถึงแล้ว 

 

logoline