
ประเทศจีนยกเลิกเดินทางมาไทยหันไปประเทศอื่นแทน ย่อมส่งผลกระทบกับภาคการท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย แผนการจัดเทศกาลมหาสงกรานต์ทั่วประเทศ (World Water Festival - The Songkran Phenomenon) ของ "แพทองธาร" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจช่วยดึงนักท่องเที่ยวกลับคืนมาให้คึกคักอีกครั้ง พร้อมพ่วงงานอีเวนต์มากมายร่วมแจม ตลอดเดือน เม.ย. ปี 67 แต่หลายฝ่ายยังกังวลเพราะค่าครองชีพกำลังสูงขึ้น
ล่าสุด 3 ธ.ค.66 คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล ในคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พรรคเพื่อไทย ประกาศแผนยกระดับงานสงกรานต์ไทยให้ยิ่งใหญ่ โดยจะส่งเสริมให้มีการ ‘ทยอยจัดงานสงกรานต์’ ตลอดเดือนเมษายน 2567 ในจังหวัดต่าง ๆ ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างประเทศมากกว่า 35 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้ 40,000 ล้านบาท กระจายสู่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
โดยได้นำเสนอแผนในการเตรียมการจัดงานมหกรรมเทศกาล World Water Festival-The Songkran Phenomenon ให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่แห่งปี ที่จะมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย โดยให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลาง เช่น งาน Soft Power Avenue ที่แสดงการรวมพลังของอีก 11 อุตสาหกรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติพร้อมกัน และจะมีการจัดขบวนแห่รวบรวมของดี Parade Mardi Gras แต่ละจังหวัด 77 จังหวัด
จะมีการจัดกิจกรรมตลาดไทยย้อนยุค การแสดงบนเวที การแสดงดนตรีไทย กิจกรรมลีลาศ กิจกรรม Bangkok Art Market ตลอดจนกิจกรรมของดีทั่วไทย กิจกรรมสายมู และมหกรรมการแสดงดนตรีระดับโลก ยิ่งไปกว่านั้น คาดว่าจะมีการฉลองงาน World Water Festival-The Songkran Phenomenon ในต่างจังหวัดทั่วประเทศ อาทิ
เบื้องต้น คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล ได้ตระเตรียมการจัดงานในพื้นที่ต่าง ๆ ไว้คร่าว ๆ โดยยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาพื้นที่เหมาะสมเพิ่มเติม อาทิ
สัปดาห์แรก : แถลงข่าวงาน ‘Thailand Water Festival’ ที่ยิ่งใหญ่ผลักดันประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศ สุดยอดเฟสติวัลของโลก
สัปดาห์ที่สอง : (เข้าสู่ช่วงประเพณีสงกรานต์) จะมีพิธีเปิดงาน Thailand Water Festival ซึ่งจะจัดในพื้นที่หลัก ๆ ของกรุงเทพมหานคร ภายใต้การร่วมมือกันของ 11 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ (อาหาร กีฬา เฟสติวัล ท่องเที่ยว ดนตรีหนังสือ ภาพยนตร์ เกม ศิลปะ การออกแบบ และแฟชั่น) ร่วมนำเสนอใน Soft Power Avenue รวมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น รวมถึงจะมีการทยอยจัดงานขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน
กรุงเทพมหานคร
ภาคกลาง
ภาคเหนือ
ภาคใต้
ภาคตะวันออก
ภาคอีสาน
สัปดาห์ที่สาม :
สัปดาห์ที่สี่ :
ขณะที่วันนี้ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ให้ความเห็นกรณีเตรียมจัดงานใหญ่มหาสงกรานต์ทั้งเดือน 77 จังหวัด ว่า หลังดูในรายละเอียด สิ่งที่กังวลใจ ไม่ใช่เรื่องจัดสงกรานต์ทั้งเดือน แต่คือ
1. อย่าลืมว่างบประมาณ 5,164 ล้านบาท ที่ถูกเปิดออกมาล่าสุด มีถึง 1,009 ล้านบาท ในส่วนของเฟสติวัล ทั้งที่มีถึง 11 กลุ่มอุตสาหกรรม การที่กลุ่มอุตสาหกรรมเฟสติวัลได้มากที่สุด ทำให้เกิดคำถามที่ว่า สุดท้ายจะลงเอยด้วยการจัดอีเวนท์แล้วก็จบหรือไม่
"ที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ว่าประเทศไทยจะว่างเว้นจากอีเวนท์ แต่จะมีอะไรที่แตกต่างออกไป ในเมื่อเราทุ่มเงินจัดอีเวนท์ระดับพันล้านบาท ไม่นับอีเวนท์ที่มีอยู่แล้วของกระทรวงต่างๆ"
2. ถ้านโยบายซอฟต์พาวเวอร์ จะเป็นไปอย่างที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้จริงหรือ คือการสร้างงาน สร้างอาชีพใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศ การไปหาสถานที่ใหม่ สร้างจุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในเทศกาลสงกรานต์ อาจจะดีกว่าหรือไม่
"ถ้ารัฐบาลยืนยันว่าจะทำแบบนี้ ก็ย่อมสามารถทำได้ แต่ถ้าคิดจะสร้างเม็ดเงิน สร้างรายได้ สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับประเทศ รวมถึงต่อยอดต่อไปในปีต่าง ๆ จุดหมายปลายทางใหม่ ๆ อาจจะน่าสนใจมากกว่า การไปจัดในที่ที่แออัด คับคั่ง จนแทบจะมีการจองเกินจำนวนอยู่แล้วในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ"
น.ส.พรรณิการ์ ย้ำว่า ตกลงแล้วจะสร้างผลที่เป็นรูปธรรมจริง ๆ ได้ หรือสุดท้ายแล้วคำว่า ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ก็แค่ถูกเติมลงไปในงบประมาณที่มีอยู่เดิม ไม่ต่างจากคำว่าบูรณาการ, ดิจิทัล, พอเพียง ที่เติมท้ายโครงการ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในประเทศไทย เป็นสิ่งที่น่าตั้งคำถามเหมือนกัน ไม่นับว่างบประมาณก้อนนี้ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยบอกว่า นี่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว
"ต้องตั้งคำถามถึงตัวชี้วัดด้วยว่า จัดอีเวนท์แล้ว ต่างจากปีที่ผ่านมาอย่างไร คาดหวังว่าจะมีตัวชี้วัดความสำเร็จอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ ปีหน้าจะได้เห็นอีเวนท์เยอะแน่นอน" น.ส.พรรณิการ์ ทิ้งท้าย