"หมูเถื่อน" เชื่อมโยงใครบ้าง? เกี่ยวเด้ง "อธิบดีดีเอสไอ" แค่ไหน? สรุปให้อ่าน ในโพสต์เดียว

กลายเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม กับการแก้ปัญหา "หมูเถื่อน" หลังก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ตำหนิการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สางคดีหมูเถื่อนไม่คืบหน้า ก่อนเดินทางไปร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2566 

ต่อมา นายกฯ ให้สัมภาษณ์ข้ามทวีป ระบุว่า "วันนั้นผมก็อารมณ์เสียใส่ดีเอสไอไปเรื่องหุ้น MORE และหุ้น STARK ซี่งเป็นเรื่องสำคัญที่ความไว้วางใจในตลาดมีน้อย เรื่องเกิดมานานเท่าไหร่ ยังไม่จบเสียที ติดอยู่ที่ดีเอสไอ ไม่ใช่เรื่องหมูอย่างเดียว"

กระทั่ง 28 พ.ย.2566 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโยกย้าย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล จากตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ไปนั่งเก้าอี้รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กลายเป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถามว่า เป็นการเด้งฟ้าผ่า เซ่นหมูเถื่อน หรือไม่ 

"เนชั่นออนไลน์" จะมาสรุปให้ "คดีหมูเถื่อน" มีความเป็นมาและสำคัญอย่างไร เหตุใดถึงกลายเป็นเรื่องไม่หมู จนเมื่อคนที่มีหน้าที่ปราบปรามถูกเด้งจากตำแหน่ง สังคมจึงไปต่อจิ๊กซอว์เชื่อมโยงทั้ง 2 เรื่องเข้าด้วยกัน

ที่มาคดีหมูเถื่อน สู่อุ้งมือดีเอสไอ  

ปัญหาเรื่องหมูเถื่อนถือว่ามีมานานแล้ว โดยข้อมูลจากนายสัตวแพทย์ (น.สพ.) วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ที่เคยเปิดเผยกับ "คมชัดลึก" เมื่อช่วง ก.ค.2566 ระบุว่า ขบวนการขนหมูเถื่อนเข้าไทย เริ่มจากที่ประเทศไทย มีโรคระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาหมู (ASF) ส่งผลให้ปริมาณหมูในไทยหายไปเกือบครึ่ง ราคาหมูจึงแพงขึ้น ทำให้มีแก๊งเนื้อหมูเถื่อน ลักลอบนำเข้ามาในไทย ตั้งแต่ปี 2564-2566 จนถึงตอนนี้มีความเสียหายรวมแล้วกว่า 50,000 ล้านบาท   

ส่วนการพบเนื้อหมูเถื่อนในตู้คอนเทนเนอร์ 161 ตู้ บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ที่ภายหลังเป็นคดีพิเศษของดีเอสไอ มีจุดเริ่มต้นจาก การท่าเรือแห่งประเทศไทย มีโครงการท่าเรือสีขาว ตรวจเจอการใช้ไฟฟ้าเดือนละหลายหมื่นบาท นำไปสู่การตรวจพบตู้คอนเทนเนอร์จำนวนดังกล่าว โดยพบว่ามีการเสียบปลั๊กไฟตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ปี 2565 

เมื่อทำการตรวจสอบก็พบว่า ภายในตู้เป็นเนื้อหมูเถื่อน ทั้งที่การนำเข้ามีการสำแดงเท็จ เป็นสินค้าแช่แข็ง เม็ดพลาสติก กรมศุลกากรจึงตรวจยึดไว้

สอดคล้องกับข้อมูลของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งเปิดเผยขณะพา น.สพ.สุทัศน์ ตั้งธโนปจัย กรรมการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กับตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ราว 50 คน ยื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ (ในขณะนั้น) เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2566 

หลังได้รับความเดือดร้อน จากการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนที่ติดโรค และสำแดงเอกสารเท็จผ่านระบบคอมพิวเตอร์โดยเลี่ยงภาษี ทั้งยังปล่อยให้มีการลักลอบนำเข้าสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด ผ่านด่านท่าเรือแหลมฉบังและอื่นๆ มูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้านบาท เพื่อให้รับเป็นคดีพิเศษ

นายอัจฉริยะระบุว่า พบเนื้อหมูเถื่อนตกค้างอีก 161 ตู้ ในท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนสาเหตุที่มาร้องเรียนดีเอสไอ ก็เพื่อเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ บริษัทชิปปิ้ง และนายทุนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ขณะเดียวกัน น.สพ.สุทัศน์บอกว่า การลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน สร้างความเสียหายทั้งผู้ประกอบการ เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ และชาวไร่ชาวนาผู้ปลูกข้าวโพดหรือมัน ผลิตอาหารสัตว์ เป็นปัญหาระดับชาติ ส่งผลกระทบต่อราคาขายตามท้องตลาดไม่สามารถขายได้ตามปกติ

นอกจากนี้ พบว่า มีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศมาขายในท้องตลาดเมืองไทยที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ เดือนละประมาณ 1,000 ตู้ หรือเฉลี่ย 6,000,000-7,000,000 ตัว เมื่อปี 2565 ซึ่งเกรงว่าอาจไม่ปลอดภัย เพราะไม่ผ่านการตรวจโรคจากกรมปศุสัตว์

รับ "หมูเถื่อน" เป็นคดีพิเศษ 
29 มิ.ย.2566 ดีเอสไอรับคดีหมูเถื่อนเป็นคดีพิเศษ ด้วยคดีนี้สร้างความเสียหายต่อรัฐมูลค่าสูงถึง 460 ล้านบาท ต่อมา 5 ก.ค.2566 ดีเอสไอ ร่วมกับกรมศุลกากร ตรวจสอบซากหมูเถื่อนของกลาง ใน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักรวมกว่า 4,500 ตัน ณ ท่าเรือแหลมฉบัง 
จากการตรวจสอบพบซากหมูที่ยึดได้ทั้งหมด พบว่ามีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศ ไม่มีแหล่งที่มาอย่างชัดเจน และไม่มีเอกสารรับรองการฆ่าสัตว์หรือสุขศาสตร์ของสัตวแพทย์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดหรือพาหะของโรคระบาดสัตว์ ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และ เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ

กรมศุลกากร ยังได้มีหนังสือถึงกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง 

"นายกฯ" หงุดหงิด ทำไมช้า
12 พ.ย.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง เรียกถกแก้ปัญหา ส่วยสติ๊กเกอร์ทางหลวง-หมูเถื่อน-ความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ก่อนนำคณะบินไปร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 ที่สหรัฐอเมริกา
ในวงหารือแก้ปัญหาหมูเถื่อน มีผู้ร่วมหารือ ประกอบด้วย ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง อธิบดีดีเอสไอ นายกฯ เศรษฐาได้สอบถามถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาอย่างเคร่งเครียด และกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ได้สั่งการในการแก้ปัญหาไปแล้ว เหตุใดไม่มีความคืบหน้า !

บางช่วงบางตอน นายกรัฐมนตรี ได้พูดในวงประชุมว่า "ผมเชิญท่านมาพบท่านมาที่ทำเนียบแล้วรอบหนึ่ง ทำไมช้าจัง จัดการให้มันเร็วหน่อยได้ไหม มันจับมาได้ตั้งเยอะแยะแล้ว ทำไมไม่สั่งการซักทีนึง ผมสั่งการไปแล้วก็ไม่ทำ หาตัวรายใหญ่ได้แล้ว แต่เข้าถึงตัวไม่ได้สักที ตอนนี้มีกี่ราย ตอนนี้จับมามีกี่ราย 10 รายใช่ไหม" 

ภายหลังการหารือ พ.ต.ต.สุริยา อธิบดีดีเอสไอในขณะนั้น แถลงข่าวว่า ดีเอสไอรับผิดชอบดำเนินคดีในส่วนของกลาง ที่กรมศุลกากรตรวจยึดและส่งมาให้ 161 ตู้ โดยแบ่งกลุ่มผู้กระทำความผิด 3 กลุ่ม คือ 

1.บริษัทนำเข้า จึงได้ดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหา จับกุมไปแล้วจำนวน 6 ราย 
2.กลุ่มนายทุน ที่เป็นคนสั่งให้กลุ่มที่ 1. นำหมูเข้าไทย ซึ่งดีเอสไอออกหมายจับ 2 บริษัท (ต่อมาผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับนี้ได้เข้ามอบตัว)
3.กลุ่มผู้ดูแลเรื่องห้องเย็นที่ได้กระจายนำหมูเถื่อนไปแช่ที่ต่างๆอยู่ทั่วประเทศ 
20 พ.ย.2566 นายกฯ เศรษฐาเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ารายงานการแก้ปัญหาหมูเถื่อน โดยเน้นย้ำอย่าเอาตัวเล็กๆ ให้จับตัวใหญ่ จะได้จบ ไม่อย่างนั้น พอปราบได้ไม่นาน เดี๋ยวหกเดือนก็เกิดมาใหม่อีก

ยึดทรัพย์หมูเถื่อน 53 ล้านบาท
จากนั้น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมกับดีเอสไอ แถลงผลการดำเนินงาน รวมถึง ความคืบหน้าคดีลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน 161 ตู้ 

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า คดีดังกล่าว จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 8 ราย เป็นกลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชนนำเข้าสินค้า อีกทั้ง ระหว่างนี้ คณะพนักงานสอบสวนเตรียมดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน

เนื่องจากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษที่ 59/2566 จำนวน 161 ตู้ แต่หากย้อนไปเมื่อปี 2564-2565 พบว่า กลุ่มขบวนการได้มีการลักลอบนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์บรรจุชิ้นส่วนหมูแช่แข็งกว่า 2,385 ตู้ ซึ่งอธิบดีดีเอสไอ สั่งการให้เร่งติดตามว่าเนื้อหมูเหล่านี้ได้กระจายไปตามท่าเรือต่าง ๆ ใดบ้าง

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. เผยว่า ในคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ ทางดีเอสไอได้ส่งรายการทรัพย์สินมาให้ ปปง. เพื่ออายัดและยึดทรัพย์สินที่เชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับคดี 

ซึ่งที่ประชุมของคณะกรรมการธุรกรรม ได้มีมติให้ยึดทรัพย์กลุ่มที่ 1 หรือกลุ่มบริษัทชิปปิ้งเอกชนนำเข้าเนื้อหมู จำนวน 53 ล้านบาท แบ่งเป็น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินฝาก หลังจากนี้ ปปง. จะตรวจสอบธุรกรรมการเงิน และดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนและผู้จัดจำหน่าย

"สุริยา" มั่นใจ ขยายผลถึงนายทุน-คนสั่งการได้

หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามหมูเถื่อนลุยงาน ทางตัวแทนผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยทั่วประเทศ ได้เข้ามอบดอกไม้และกระเช้า เพื่อให้กำลังใจ พ.ต.ต.สุริยา และคณะทำงาน

ส่วนความคืบหน้าคดี  พ.ต.ต.สุริยา บอกว่า หลังมีการส่งมอบตู้มา ใช้เวลาเพียง 5 เดือนเศษ สามารถส่งสำนวนคดีเบื้องต้นให้สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และมีปฏิบัติการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ส่วนผู้ต้องหาที่มีการออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ มีทั้งทยอยเข้ามอบตัว และเจ้าหน้าที่ไปติดตามจับกุมได้เอง ทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ในส่วนที่ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้อง โดย พ.ต.ต.สุริยา มั่นใจว่าจะสามารถขยายผลไปยังนายทุนและผู้สั่งการได้  

เบื้องต้นพบว่า ตัวการหลักของคดีมีไม่ต่ำกว่า 10 คน และมีข้าราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วย ซึ่งดีเอสไอเตรียมออกหมายจับเพิ่มเติมเร็วๆนี้ แง้มว่าเป็นข้าราชการ และบุคคลที่เกี่ยวข้องในระดับสูง 

เข้าค้น Makro หาหลักฐานโยงคดีหมูเถื่อน 

27 พ.ย.2566 ดีเอสไอ เข้าตรวจค้นบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เจ้าของห้าง Makro หลังมีข้อมูลจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า มีการรับซื้อชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งจากบริษัทที่ถูกดำเนินคดีนำเข้าหมูเถื่อนไปก่อนหน้า

พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่า จากการขยายผลไปยังผู้รับซื้อหมู หรือชิ้นส่วนหมู พบพยานหลักฐาน เป็นเอกสารการจำหน่ายชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งให้กับบริษัทต่างๆ และพบหลักฐานว่า ได้จัดส่งสินค้าส่วนหนึ่ง เช่น เนื้อหมูและตับหมูแช่แข็ง ให้กับ Makro ดีเอสไอจึงได้นำหมายค้น เข้ามาตรวจค้น พร้อมขอเอกสารที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบต่อไป

โดยกรณีของ Makro ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้ว่ากระทำผิด เพราะต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง แต่ในข้อเท็จจริง พบเส้นทางการโอนเงินไปมาในการซื้อขายกันปกติอย่างเปิดเผย รวมกว่า 390 ล้านบาท แต่ติดที่ตัวสินค้านั้นว่า นำเข้ามาโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งดีเอสไอต้องไปพิสูจน์ทราบให้เกิดความชัดเจน

ด้าน Makro ยินดีให้ความร่วมมือกับดีเอสไอในการเข้ามาตรวจสอบ ยืนยันรับซื้อเนื้อหมู จากแหล่งผลิตในประเทศ 100% โดยมีแหล่งผลิตที่ชัดเจน และมีใบรับรองถูกต้องตามกฎหมายจากกรมปศุสัตว์ทุกล็อต

ส่วนเครื่องในหมู ปกติซื้อจากเกษตรกรภายในประเทศ 99% เว้นแต่บางช่วงที่มีความต้องการบริโภคสูง จึงต้องรับซื้อจากบริษัทที่นำเข้า โดยการรับซื้อนั้นต้องมีใบอนุญาตการนำเข้า และเคลื่อนย้ายอย่างถูกต้อง

สำหรับบริษัทที่ตกเป็นผู้ต้องหา เคยเป็นคู่ค้ากันมาหลายปี ทั้งการสั่งซื้อเนื้อหมู ปลา และอาหารทะเล จนเมื่อช่วงกลางปี 2565 พบว่าเนื้อหมู และตับหมู ไม่ได้มาตรฐาน Makro จึงยุติการสั่งซื้อ พร้อมยืนยัน มีจุดยืนชัดเจน ไม่สนับสนุนการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย 

เด้ง พ.ต.ต.สุริยา พ้นเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอ 

วันต่อมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติโยกย้าย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม คาดกันว่า เซ่นปมคดีหมูเถื่อน

นายกฯ เศรษฐา ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า เป็นเรื่องที่ รมว.ยุติธรรม เสนอ พอนักข่าวถามว่า จะเกี่ยวข้องกับคดีหมูเถื่อนหรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถาม
ขณะที่ทาง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ชี้แจงว่า การโยกย้าย พ.ต.ต.สุริยา เป็นไปตามความสามารถและเหมาะสม ไม่มีการกลั่นแกล้ง พร้อมยืนยันไม่เกี่ยวกับคดี "หมูเถื่อน"

ต่อมา เพจ DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีการโพสต์ภาพ พ.ต.ต.สุริยา พร้อมข้อความว่า

"ทำใจอยู่ตลอดเวลา นับแต่มานั่งเป็นผู้บริหารสูงสุดที่นี่แล้วครับ ว่าต้องถึงวันนี้ แต่ผมเลือกทางเดินและวิถีผมเองตั้งแต่ต้น ไม่เสียใจครับ เพราะทำเต็มที่แล้ว" เป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกท่านครับ 28 พ.ย.2566 ลงชื่อ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล

โพสต์ดังกล่าว มีผู้เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจ พ.ต.ต.สุริยา เป็นจำนวนมาก อาทิ 
- เป็นวิถีชีวิตข้าราชการจริง ๆ ค่ะ ไม่เป็นไรนะคะ ท่านตั้งใจและทำดีที่สุดแล้ว  
- หน้าที่เปลี่ยน แต่ใจคนไม่เปลี่ยน เป็นกำลังใจ ให้พี่ยาครับ 
- ทำดีที่สุดแล้ว เป็นกำลังใจให้ค่ะ

นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหมูเถื่อน ที่ไม่หมูเอาเสียเลย แม้ผู้เกี่ยวข้องจะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับปมเด้งอธิบดีดีเอสไอ น่าติดตามต่อไปว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร


ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.komchadluek.net/news/crime/553080
https://www.thansettakij.com/business/581975
INN News