17 พฤสจิกายน 2566 "นายพริษฐ์ วัชรสินธุ" สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับเงื่อนไขใน พ.ร.บ.ประชามติ ว่า ทั้งรัฐบาลฝ่ายค้านและภาคส่วนอื่นๆ มีข้อห่วงใยเกี่ยวกับกฎหมายประชามติ ที่ต้องใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น หรือ Double majority ที่บัญญัติในมาตรา 13 ของพ.ร.บ.ประชามติที่อาจไม่เป็นธรรม ต่อการทำประชามติในทุกหัวข้อ
ทั้งนี้ ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงหากคนที่ไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่ถูกถาม แทนที่จะออกมาใช้สิทธิ์ แต่ใช้วิธีนอนอยู่บ้าน เพื่อคว่ำประชามติแทน และหากบวกกับจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิก็จะไม่ถึงเกณฑ์เสียงข้างมากชั้นแรก ก็จะทำให้ตกไป
อย่างไรก็ตาม เห็นว่าควรทบทวนตัวกติกานี้ โดยเฉพาะชั้นแรก ซึ่งจะเสนอทางเลือกในการแก้ไข 2 ประเด็น คือ
สำหรับกระบวนการในการแก้ไขกฎหมาย คือ เรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุด โดยให้รัฐบาลและฝ่ายค้าน ร่วมกันยื่นแก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 13 ซึ่งถ้าดำเนินการยื่นเสนอไว้ เมื่อสภาเปิดสมัยประชุมช่วงเดือนธ.ค. ก็สามารถที่จะพิจารณาวาระแรกได้ทันที และเชื่อว่าจะสามารถผ่าน 3 วาระไปได้ โดยจะไม่กระทบต่อกรอบเวลาในการจัดทำประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลวางไว้ ว่าจะเคาะว่าจะทำประชามติหรือไม่ในช่วงต้นเดือนม.ค. 2567 เพราะเป็นการแก้ไขแค่มาตราเดียว
นอกจากนี้ ประเด็นเรื่อง มาตรา 13 เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นแล้ว ไหนๆ จะแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติ ถ้าไม่กระทบกรอบเวลาในการพิจารณา อาจพิจารณาประเด็นอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น จะทำอย่างไรให้กฎหมายประชามติรองรับการจัดทำประชามติวันเดียวกับการเลือกตั้ง อื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง สส. หรือเลือกตั้งท้องถิ่น
"ที่ปัจจุบันมีข้อจำกัดอาจทำให้การดำเนินการด้านธุรการยุ่งยาก ถ้าแก้ไปด้วยก็จะเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้สามารถเลือกวันลงประชามติได้ยืดหยุ่นมากขึ้นและอาจมีประชาชนออกมาใช้สิทธิมากขึ้นได้ในช่วงพร้อมกับการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังเสนอให้แก้ไขกรณีการเข้าชื่อของประชาชนเพื่อทำประชามติ 50,000 รายชื่อทางออนไลน์ได้ด้วย" นายพริษฐ์ ระบุ