
7 พฤศจิกายน 2566 นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายชัย วัชรงค์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงข่าว มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าด้วยมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ซึ่งวันนี้(7 พ.ย.) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการ เกี่ยวกับการช่วยชาวนา
โดยนายชัย เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบ ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส หารือกับนายภูมิธรรม รวมทั้ง นายจุลพันธ์ ถึงมาตรการช่วยเหลือชาวนา เพราะช่วงนี้ราคาข้าวเปลือกยังดีอยู่ ยกเว้นข้าวเปลือกหอมมะลิ ช่วงนี้ที่มีปัญหา ที่จะออกจากภาคอีสานและภาคเหนือในเดือนพฤศจิกายน ในเขตและนอกเขต 95,000 ไร่ เวลานี้ราคาตลาด 14,800 บาทถึง 15,000 บาท ซึ่งเป็นข้าวเปลือกแห้ง แต่ตามความเป็นจริง เก็บเกี่ยวมาขายความชื้น 25% ราคาซื้อต่ำกว่าราคาที่ควรจะขายได้ในราคา 11,000 บาท ต่อตัน
โดยจะแทรกแซง คือ ให้ชะลอการขายไว้ก่อนโดยให้เกษตรกรที่มียุ้งฉางให้เก็บข้าวเปลือกไว้ก่อน ซึ่งเป็นข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้น 25% โดยรัฐบาลจะให้สินเชื่อ คือราคาขายตันละ 12,000 บาท รวมทั้งให้ค่าเก็บรักษา คุณภาพในช่วง 5 เดือนให้ตันละ 1,500 บาท แต่หากเกษตรกรเก็บเองก็จะให้เป็น 13,500 บาท แต่หากต้องไปฝากให้กับสถาบันเกษตรต่างๆ รัฐบาลจะให้ชาวนา 500 บาทและให้สถานที่เก็บ 1,000 บาท ดังนั้นหากชาวนาที่มียุ้งฉางเก็บเองจะได้ราคาข้าวเปลือก 12,000 บาทต่อตันและค่าเก็บ 1,500บาท มีเป้าหมาย 3 ล้านตัน
นอกจากนี้โครงการที่ 2 จะให้สินเชื่อโดยให้สถาบันทางการเกษตร ซื้อราคานำร่องข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 12,200 บาทโดยเมื่อขายได้แล้ว หากได้กำไรจะแบ่งกำไรให้ชาวนาอีกตันละ 300 บาทจำนวน 1 ล้านตัน ทำให้ชาวนาได้ 12,000บาท และได้อีก 300 บาท รวมแล้วประมาณ 10,600 ล้านบาท และเป็นสินเชื่อ 44,437 ล้านบาท โดย กระจายอยู่ 2 โครงการ ส่วนมีอีกหนึ่งโครงการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้ง กระทรวงพาณิชย์ หารือกันแล้วแต่ติดขัดเรื่องเงิน เนื่องจากชาวนาที่ได้รับค่าชดเชยจากน้ำท่วมไปแล้ว โดยจะมีการสนับสนุนจัดการพัฒนาคุณภาพข้าวไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่ /รายละไม่เกิน 20,000 บาท โดยให้กับชาวนาทุกประเภท แต่เรื่องดังกล่าวยังไม่มีการเคาะจาก คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ(นบข.)
ขณะที่ นายภูมิธรรม ชี้แจงเกี่ยวกับโครงการ ให้เงินช่วยเหลือชาวไร่ละ 1,000 บาท จำนวนไม่เกิน 20 ไร่ ว่าอยู่ระหว่างการหารือร่วมกันระหว่าง 3 กระทรวง โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ จะเป็นฝ่ายหาเงินเพื่อมาดำเนินการโครงการนี้ แต่เงินที่ช่วยไร่ละ 1,000 บาท ยังติดปัญหาแต่ยืนยันว่า เรื่องนี้รัฐบาลเป็นห่วงชาวไร่ชาวนา ซึ่งการใช้มาตรการในปีนี้ เป็นมาตรการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้แก่เกษตรกร ก็ยังดำเนินการให้ค่าชดเชยแต่ขอพิจารณาในคณะกรรมการข้าวเพื่อลงรายละเอียดก่อน และเมื่อมีมติก็จะดำเนินการตามนั้น
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า จะต้องอธิบายให้คณะกรรมการข้าว ได้รับทราบเรื่องเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท จำนวน 20 ไร่ และหากมีมติจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทันที
ด้านนายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ทั้งสองโครงการจะสามารถดูดปริมาณข้าวออกจากตลาดได้ประมาณ 4,000,000 ตัน ซึ่งมีความมั่นใจว่า จะมีผลกับราคาข้าวอย่างมีนัยสำคัญ ในการประคองไม่ให้ราคาต่ำลงไปกว่านี้
อย่างไรก็ตามกลไกในการนำเข้าสู่รัฐบาล ซึ่งเป็นรัฐบาลมายังไม่ถึง 2 เดือน ก็ไม่ได้ละเลยและรับฟังประเด็นปัญหาจากพี่น้องเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขั้นตอนที่จะต้องผ่านคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี คาดว่าเร็วสุดน่าจะเป็นภายในสัปดาห์หน้าและจะเรียบร้อยภายในหนึ่งถึง 2 สัปดาห์ ในส่วนของค่าบริหารจัดการข้าว 1,000 บาทต่อไร่ จะใช้กลไกของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เป็นหลัก ซึ่งมีความพร้อมจึงมีความมั่นใจได้