ส่อง"เอฟเฟกต์"บทลงทัณฑ์"ก้าวไกล"-สู่ 4 วงคลื่นกระทบพรรค

โดย "ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น" ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ได้อธิบายถึงผลมติไว้อย่างน่าสนใจต่อมติพรรคก้าวไกล ดังนี้  

กรณีการโหวตอุ้ม ส.ส.กทม.ก้าวไกล ให้คะแนนไม่ถึง 3 ใน 4 มีผลทำให้ไม่ถูกขับออกจากสมาชิกภาพของพรรค

เรื่องนี้ย่อมกระทบต่อชื่อเสียงพรรคก้าวไกลอย่างแน่นอน เพราะก้าวไกลวางตำแหน่งแห่งที่ทางภาพลักษณ์ (positioning) ทางการเมืองของตนเองว่า ตั้งอยู่บนจริยธรรมทางการเมืองที่ถูกต้องชอบธรรม คลื่นของผลกระทบขยายเป็น 4 วงคลื่น ได้แก่

1. วงในสุดจากจุดศูนย์กลางคลื่น คือ กระทบความรู้สึกกลุ่มที่เป็นแฟนด้อมใกล้ชิด จนสังเกตได้ว่าต้องหยุดความไม่พอใจของแฟนด้อมทันที โดยบรรดาเซเล็บของพรรคก้าวไกลหลายคนต้องออกมาเคลื่อนไหว call out ไม่เห็นด้วยกับผลการโหวตของพรรค ที่ไม่สามารถขับ สส.ท่านนี้ออกจากพรรคได้ อาทิ วิโรจน์ กลุ่ม สส. / สก.ผู้หญิง พรรณิการ์ หรือ อ.ปิยะบุตร 
2. กระทบต่อกลุ่มที่ชอบนโยบายพรรคก้าวไกลแม้ไม่ประกาศตัวว่าเป็นแฟนด้อม ถ้ากลุ่มนี้หันเหออกจากการสนับสนุนพรรค ฐานเสียงจะลดลงพอสมควร
3. กระทบต่อฐานเสียงกลาง ๆ (neutral voter) ที่มีโอกาสแปรมาเป็นฐานเสียงพรรคในอนาคต 
4. จะเป็นเหยื่ออันโอชะของฐานเสียงพรรคการเมืองตรงข้ามในปัจจุบัน ซึ่งต้องยอมรับว่าคู่ปรับอันดับหนึ่งชั่วโมงนี้คือฐานเสียงพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยไปกว่าพรรคก้าวไกล

อย่างไรก็ตาม จากผลกระทบที่เกิดขึ้น จึงทำให้ผู้มีชื่อเสียงของพรรคก้าวไกลต้องรีบแสดงความเห็นทาง Social Media เพื่อป้องกันการปันใจของฐานเสียงพรรค ที่อาจจะหมดศรัทธาในพรรค ซึ่งคาดการณ์ได้ว่า สส.ท่านนี้ ไม่น่าจะทนแรงกดดันจาก social sanction ขององคาพยพในพรรคได้ จนอาจมีทางเลือกแค่ 3 ทาง ได้แก่ 

1. ลาออก 
2. ขอให้พรรคประชุมมีมติอีกครั้งเพื่อขับพ้นสมาชิกภาพ จะได้สามารถหาสังกัดใหม่ซึ่งเป็นพรรคขนาดจิ๋วเข้าไปอยู่ได้ ทำให้ไม่หมดความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
3. อยู่เงียบ ๆ คนเดียวในนามพรรคก้าวไกล แต่ไม่สุงสิงสิ่งใดกับประชาคมก้าวไกล เพื่อให้สามารถประคองตัวดำรงสถานภาพ สส. จนครบวาระดำรงตำแหน่ง เหมือนกับที่มีอดีต สส. รุ่นพี่ ที่ขัดแย้งกับพรรค ก็ใช้วิธีนี้ ก่อนที่จะถูกพรรคขับพ้นสมาชิกภาพในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นปฐมบทของตำนานงูเห่าก้าวไกล