19 ตุลาคม 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) น.ส.รจนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร ยื่นหนังสือต่อประธานกกต.เพื่อขอให้กกต.ดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล พร้อมกล่าวว่า
หลังจากที่นี้ได้ไปยื่นให้ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งมีอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน 2561 มาตรา 8 ในกรณีที่เห็นว่านโยบายของรัฐบาล อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านงบประมาณและวินัยการเงินการคลัง ก็สามารถที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ได้ และหากพบว่าผิดก็สามารถที่จะเชิญประธาน กกต. และ ประธาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาประชุมเพื่อพิจารณาและทำรายงานเสนอให้รัฐบาลล้มเลิกโครงการนี้
“เสนอเรื่องนี้เพื่อให้สื่อและประชาชนทราบว่า ขณะนี้มีกฎหมายใหม่ ที่จะสามารถหยุดยั้งกระบวนการที่ไม่ชอบ และเห็นว่าสิ่งที่นี้เป็นเรื่องที่เราร่วมกันล้อมคอกก่อนวัวหาย เพราะที่ผ่านมาเรามักจะล้อมคอกเมื่อวัวหายไปแล้ว ฉะนั้นการที่ได้ยื่นต่อประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อให้ท่านเป็นเจ้าภาพเรื่องนี้ ถ้าพบว่าข้อเท็จจริงที่จะสามารถพิจารณายับยั้งได้ ก็ขอให้เรียนเชิญประธาน กกต. และ ประธาน ป.ป.ช. มาประชุมร่วมกันเพื่อลงมติว่าควรจะยับยั้งเรื่องนี้หรือไม่" น.ส.รสนา กล่าว
น.ส.รจนา กล่าวอีกว่า เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาลมีปัญหามิชอบด้วยกฎหมายและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐ โดยเป็นอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะดำเนินการระงับยับยั้ง หากก่อให้เกิดความเสียหายต่อการเงินการคลังของรัฐ โดยมีเหตุผล 6 ประการ ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของรัฐ และอยากให้ตรวจสอบ คือ
1. ผลได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งนักวิชาการและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลมาแจกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะการบริโภค แต่ควรนำไปทำนโยบายที่ยั่งยืนและเกิดผลระยะยาวมากกว่า
2. น่าจะขัดต่อพระราชบัญญัติเงินตรา เนื่องจากการแจกเงินดิจิตอลโทเคนยังเกิดความสับสนว่าเป็นเงินตราสกุลใหม่ หรือเป็นสิทธิการใช้เงินแบบดิจิทัล ซึ่งอาจจะเป็นการสำแดงที่ไม่จริง สำแดงว่าเป็นเงินดิจิทัล แต่จริง ๆ เป็นระบบเงินใหม่
3. เพิ่มความสิ้นเปลืองแก่ประเทศโดยไม่จำเป็น โดยเห็นว่าการสร้างระบบใหม่อย่างบล๊อคเชน เป็นการใช้เงินมหาศาล และหากทำโครงการนี้แล้วไม่ทำอะไรต่อเนื่องเป็นการเสียเงินเปล่า ทั้งที่ดิจิทัลวอลเล็ตมีอยู่แล้ว และการจะนำเงินภาษีมาใช้เพื่อทำบล๊อคเชนก็เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ
4. หลีกเลี่ยงหลักการใช้เงินแผ่นดิน โดยระบุว่าจะใช้เงินแผ่นดิน จำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 140 ที่ระบุว่าจะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการงบประมานให้ที่ประชุมรัฐสภายอมรับ แต่การที่รัฐบาลจะแจกเงินตั้งแต่เดือนเมษายน แสดงว่าจะไม่นำเรื่องนี้เข้าสู่งบประมาณ
5. ซุกหนี้สาธารณะ ที่ดูจากรัฐบาลประกาศจะใช้ธนาคารออมสินกู้เงินแทน แล้วนำเงินมาใช้ เห็นว่าน่าจะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและซุกหนี้สาธารณะ และเชื่อว่าธนาคารออมสินก็ไม่น่าจะมีหลักการในลักษณะดังกล่าว
6. ขัดกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มาตรา 9 วรรค 3 โดยรัฐบนสาวบจะต้องไม่ใช้งบประมาณแผ่นดินไปใช้ในการหาเสียง ซึ่งการสแจกเงินให้เด็กอายุ 16 ปีขึ้นไป คิดว่าเป็นการหาเสียงทางการเมือง เปรียบเสมือนกับการตกเขียว ซึ่งเด็กอายุ 16 ปี อีก 4 ปีข้างหน้าก็อายุ 20 ปี และการแจกเงินให้คนทั้งหมด โดยไม่เลือกน่าจะขัดต่อระเบียบและกฎหมาย
ซึ่งจากเหตุผล 6 ข้อดังกล่าว ส่งผลให้โครงการฯน่าจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ รวมทั้งพระราชบัญญัติเงินตรา ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจและการเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง
น.ส.รจนา กล่าวว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวมีความพยายามหลีกเลี่ยงเข้าสู่กระบวนการงบประมาณ ทั้งที่รัฐบาลยืนยันหนักแน่นว่าจะเริ่มแจกเงินตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567 ก็มีความชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ต้องการที่จะนำโครงการนี้เข้าสู่กระบวนการงบประมาณของรัฐสภาใช่หรือไม่ ดังนั้นหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบน่าจะตรวจสอบได้ และถ้าพบว่าไม่ปกติหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็มีอำนาจในการที่จะสั่งการในเรื่องนี้ต่อไป
นอกจากนี้ น.ส.รจนา จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงประธาน ป.ป.ช.ให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบด้วย