svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ธีระชัย" กระตุกบอร์ดเงินดิจิทัล "ออมสิน" กู้แทนรัฐบาล ผิดวัตถุประสงค์ไหม

"อดีตขุนคลัง" จี้ กรรมการเงินดิจิทัล ต้องมีคำตอบ 9 ประเด็น ก่อนแจกเงิน เตือนให้ "ออมสิน" กู้เงินแทนรัฐบาลมาใช้ในโครงการ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ธนาคารหรือไม่

9 ตุลาคม 2566 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า แนะนำกรรมการเงินดิจิทัล

ตามที่รัฐบาลมีการตั้งคณะกรรมการเกี่ยวกับเงินดิจิทัล นั้น ผมมีความเป็นห่วงน้องๆ ข้าราชการ เกรงจะมีความเสี่ยงในการเสนอเรื่องนี้ จึงใครขอฝากคำแนะนำบางประการ

หนึ่ง ขอบวัตถุประสงค์ของธนาคารออมสิน

พระราชบัญญัติ วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ "มาตรา ๒๘ การมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการ โดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการน้ัน ให้กระทําได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น"

ดังนั้น กรณีที่รัฐบาลจะให้ธนาคารออมสินไปกู้เงินมา เพื่อใช้ในโครงการเงินดิจิทัล คณะกรรมการจะต้องแน่ใจเสียก่อนว่า โครงการแบบนี้อยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของธนาคารออมสินหรือไม่

สอง เหตุผลที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น

กรณีที่รัฐบาลจะกู้เงินด้วยตนเอง เพื่อใช้ในโครงการเงินดิจิทัลนั้น ต้นทุนดอกเบี้ยที่รัฐบาลจ่าย ย่อมจะต่ำกว่าที่ธนาคารออมสินต้องจ่าย

ดังนั้น คณะกรรมการจึงต้องมีเหตุผลชัดเจน เหตุใดรัฐบาลไม่กู้เงินด้วยตนเองอย่างโปร่งใส เพื่อให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าที่ธนาคารออมสินต้องจ่าย และเป็นการเลี่ยงการสำแดงเจตนากู้หนี้สาธารณะหรือไม่

อดีตขุนคลัง โพสต์ภาพ บจ.ไทยที่มีแผนทำธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล

สาม ธนาคารออมสินเสี่ยงในการให้กู้แก่เอกชน

กรณีที่ธนาคารออมสินกู้เงินจากตลาดเงิน 560,000 ล้านบาท แล้วเอาเงินนั้นไปให้กู้แก่ 4 บริษัทเอกชน ซึ่งจะเป็นผู้ออกโทเคนดิจิทัล นั้น ธนาคารออมสินย่อมจะมีความเสี่ยง โดยผู้กู้แต่ละรายกู้เงินมากเกิน 100,000 ล้านบาท และเงินให้กู้ในโครงการนี้ 560,000 ล้านบาท ก็เป็นสัดส่วนที่สูง สำหรับลูกหนี้รายใหญ่ของธนาคารออมสิน ซึ่งแม้แต่โลโก้ ก็ระบุชัดเจนว่า 'รัฐบาลเป็นประกัน'

ดังนั้น คณะกรรมการจึงต้องเสนอให้ชัดเจนว่า จะให้ธนาคารออมสินบริหารความเสี่ยงตรงนี้อย่างไร

สี่ รายได้รัฐเพิ่มขึ้น 100,000 ล้านบาท

ทีมงานของท่านนายกฯเศรษฐา (ทวีสิน)ได้แถลงข่าวชัดเจนว่า โครงการเงินดิจิทัล จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 100,000 ล้านบาท

ดังนั้น คณะกรรมการจึงต้องแจกแจงให้ชัดเจนว่า รายได้จะเพิ่มขึ้น 100,000 ล้านบาท จริงหรือไม่ และรายได้ที่จะเพิ่มขึ้น จะประกอบด้วยภาษีชนิดใด และจะเกิดขึ้นเมื่อได

ห้า สตง.ไม่สามารถตรวจสอบได้

เนื่องจากเงินที่ธนาคารออมสินจะให้กู้แก่ 4 บริษัทเอกชน ผู้ที่จะออกโทเคนดิจิทัล 560,000 ล้านบาท นั้น สตง.(สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน)ไม่สามารถตรวจสอบบริษัทเอกชนได้

ดังนั้น คณะกรรมการต้องแถลงว่า จะให้ธนาคารออมสินดำเนินการอย่างไร เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทเอกชนปฏิบัติถูกต้องตามโครงการ และถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อรักษาสถานะ 'รัฐบาลเป็นประกัน' ให้มั่นคง

หก ระวังแอพดูดเงินอย่างไร

เนื่องจากฝ่ายคนร้าย อาจจะถือโอกาสส่งแอปดูดเงิน ไปให้แก่ชาวบ้านในช่วงก่อนหน้าทางการส่งข้อมูล ดังนั้น คณะกรรมการควรแนะนำรัฐมนตรีคลังว่า จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้ชาวบ้านถูกหลอกได้อย่างไร

เจ็ด ระวังแอปพนันอย่างไร

เนื่องจากคาดเดาได้ว่า เว็บพนันของเอกชน น่าจะพยายามจูงใจให้ชาวบ้านที่ได้รับเงินดิจิทัล เอาไปเล่นพนันในเว็บที่จัดตั้งขึ้นในรัศมี 4 กม. โดยซ่อนรูปให้ดูคล้ายเป็นเว็บขายสินค้าออนไลน์

ดังนั้น คณะกรรมการควรมีข้อเสนอแนะว่า จะป้องกันการนำเงินดิจิทัลไปเล่นพนันออนไลน์ได้อย่างไร

แปด ค่าใช้จ่ายพัฒนาระบบบล็อคเชน

เนื่องจากขณะนี้ ทางการไทยมีการลงทุนระบบเงินโอนอิเล็กทรอนิกส์ไว้แล้ว คือ แอปเป๋าตัง และเงินดิจิทัลของธปท.(ธนาคารแห่งประเทศไทย) ซึ่งมีการทดสอบกับต่างประเทศผ่านเรียบร้อยแล้ว

กรณีถ้าหากรัฐบาลจะทำโครงการแบบประหยัด ก็สามารถให้ธนาคารกรุงไทย ขยายเงื่อนไขในแอปเป๋าตังได้ หรือขอใช้เงินดิจิทัลของธปท.ได้

ดังนั้น คณะกรรมการจึงควรมีคำตอบให้แก่สังคม เหตุใดจึงจะเสนอแนะให้มีบริษัทเอกชนทำเงินดิจิทัลขึ้นใหม่ อันเป็นการลงทุนค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน

เก้า การเลี่ยงรัฐสภาตรวจสอบ

เนื่องจากการที่รัฐบาลจะให้ธนาคารออมสินเป็นผู้กู้เงินจากตลาดเงิน เพื่อนำมาใช้ในโครงการเงินดิจิทัล จะมีผลเป็นการเลี่ยงการเสนอโครงการ เพื่อให้รัฐสภาอนุมัติเสียก่อนในระบบงบประมาณ

ในขณะที่รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มาตรา๓ วรรคสอง บัญญัติว่า "รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไป ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของ ประชาชนโดยรวม"

การเลี่ยงรัฐสภาตรวจสอบ จึงอาจเข้าข่ายคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการธนาคารออมสิน ปฎิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม

ดังนั้น คณะกรรมการจึงควรเสนอแนะต่อรัฐมนตรีคลังว่า การเลี่ยงรัฐสภาตรวจสอบนั้น เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือไม่

ทั้งนี้ ผมเสนอแนะว่า กรณีที่คณะกรรมการเห็นชัดเจนว่า มีข้อท้วงติงหรือมีปัญหาอุปสรรคที่แก้ไขไม่ได้ ก็ควรเสนอให้รัฐมนตรีคลังเป็นผู้สั่งการ และเป็นผู้รับผิดชอบไปแต่ผู้เดียว

วันที่ 9 ตุลาคม 2566

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ในฐานะประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ Thirachai Phuvanatnaranubala