
26 กันยายน 2566 ภายหลังจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีการเข้าค้นบ้านพัก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ "บิ๊กโจ๊ก" รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเคหสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย
1. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการ
2. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด กรรมการ
3. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
มาทำความรู้จักกับ 3 อรหันต์ ที่จะเข้ามาคลี่คลายเรื่องดังกล่าวว่า มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ทำไม นายกฯถึงได้เชิญให้มาแสวงหาข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์สะเทือนวงการสีกากีในครั้งนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ประวัติ
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ มีชื่อเล่นว่า ฉิ่ง เกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2504 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิตและระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต จาก คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สิงห์ดำ) รุ่น 32 ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น และปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สถาปัตยกรรม) จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
เริ่มต้นรับราชการครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2527 ในตำแหน่งปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครอง ระดับ 3) อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร จากนั้นเติบโตในเส้นทางราชการตามลำดับ จนได้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เมื่อ พ.ศ. 2552 มีผลงานโดดเด่นในขณะนั้นคือ การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554 ก่อนที่ พ.ศ. 2555 จะได้ขึ้นเป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและ อดีตกรรมการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ในรัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ต่อมาดำรงตำแหน่งสูงสุดของบัลลังก์สิงห์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560 และเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนแรก ที่เป็นกรรมการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)
โดยได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ อาทิ เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง กระทรวงมหาดไทย หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านมาตรการป้องกันและช่วยเหลือประชาชน หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการกระจายหน้ากากและเวชภัณฑ์สำหรับประชาชน ในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นประธานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.)
มีบทบาทในการสนับสนุนการดำเนินการเกี่ยวกับการระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย โดยได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการในคณะกรรมการกำกับดูแล ด้านผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจ ภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 และใน วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ได้รับแต่งตั้งเป็น รองผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
จากผลงานที่โดดเด่นเข้าตาผู้บังคับบัญชาทั้งจากพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน 2564 และขณะนั้นพลังประชารัฐกำลังมีปัญหาภายใน สิ่งที่ "3 ป." คิดตรงกันคือ พลังประชารัฐ เป็นศูนย์รวม "นักเลือกตั้ง" หรือนักการเมืองแบบเก่า ไม่เหมาะกับสถานการณ์การเมืองในวันข้างหน้า "บิ๊กป๊อก" จึงมีแนวคิดจะสร้างพรรคการเมืองใหม่ ที่ไม่ต้องอาศัย "ส.ส.เขี้ยวลากดิน" "ปลัดฉิ่ง" คือบุคคลที่ตอบโจทย์ในการสร้างพรรคใหม่ ไร้นักเลือกตั้งสีเทา และชื่อของ "พรรคเศรษฐกิจไทย" แต่สุดท้ายทุกอย่างคลี่คลายไปตามกาลเวลา
ประวัติ
นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด อดีตรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ เคยเป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี เช่น คดีฟิลิปมอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร, คดีทุจริตสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย, คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร รวมถึงคดีทุจริต การฟอกเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน เคยเป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ข้อหาขับรถชนตำรวจเสียชีวิต
ในแต่ละคดีล้วนเป็นคดีใหญ่ที่สังคมเฝ้าติดตามทั้งสิ้น บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญและชำนาญในตัวบทกฎหมาย
ประวัติ
พล.ต.อ.วินัย ทองสอง เกิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2500 จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 32 (นรต.32) เริ่มรับราชการด้วยการเป็นนายเวรผู้บังคับการตำรวจภูธร 12 จังหวัดยะลา จนกระทั่งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบปราม ในปี พ.ศ. 2547 ด้วยยศ พลตำรวจตรี (พล.ต.ต.) ในยุครัฐบาลที่มีพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
ได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจที่มีความสนิทสนมและเกี่ยวพันกับตระกูล "ชินวัตร" เนื่องจากภริยามีศักดิ์เป็นหลานสาวของ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งในคืนวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ขณะที่เกิดการรัฐประหารเกิดขึ้น พล.ต.ท.วินัย ซึ่งในขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นผู้บังคับการกองปราบฯ ได้รับคำสั่งทางสายโทรศัพท์จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่นครนิวยอร์ก ให้นำกองกำลังเข้าทำการควบคุมตัว พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการ เนื่องจากมีกองกำลังทหารและรถถังเข้าอารักขาไว้หมดแล้ว และในคืนวันเดียวกัน พล.ต.ท.วินัย ก็ถูกควบคุมตัวด้วย
ต่อมา กลางปี พ.ศ. 2554 พล.ต.ท.วินัย ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แทนที่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่ได้รับคำสั่งโยกย้ายไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9
ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.วินัย ย้ายไปช่วยราชการที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นระยะเวลา 4 เดือน พร้อมกับมอบให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เข้ามารักษาราชการ และปฏิบัติหน้าที่แทน โดยให้มีผลทันที เชื่อว่าเป็นผลมาจากการควบคุมการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน (เสื้อหลากสี) ที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภาไม่ได้ ซึ่งชุมนุมคัดค้านการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแห่งชาติ (พ.ร.บ.นิรโทษกรรม) ของรัฐบาล
จากนั้นก็ได้มีการเลื่อนยศ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ให้เป็น พลตำรวจโท (พล.ต.ท.) และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขณะที่ พล.ต.ท.วินัย ย้ายไปเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และต่อมาก็ได้ย้ายเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลงานด้านกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2566 ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ