svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"จตุพร"ย้ำ"หมออ๋อง"ลาออกรองปธ.สภาเพื่อรักษาศักดิ์ศรีก้าวไกล

"จตุพร" แนะ "หมออ๋อง" ลาออกตำแหน่งรองประธานสภา เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี "ก้าวไกล" โดยเฉพาะผู้นำฝ่ายค้าน ย้ำหากกอดไว้เท่ากับลดทอนเกียรติยศ และยังกลายเป็นตัวร้ายทางการเมือง

16 กันยายน 2566 "นายจตุพร พรหมพันธุ์" วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "คิดใหญ่ ทำเป็น..." เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาระบุว่า "นายปดิพัทธ์ สันติภาดา" ควรลาออกจากประธานสภา เพื่อให้พรรคก้าวไกล (กก.) ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน และยังรักษาเกียรติยศพรรคที่เป็นความหวังประชาชนเอาไว้ เพราะไม่ติดยึดกับตำแหน่ง ซึ่งแตกต่างจากพรรคเพื่อไทยที่เป็นตัวร้ายทางการเมืองในขณะนี้

ส่วนการที่ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล แล้วจะมีการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารใหม่ในการประชุมวันที่ 23 ก.ย.นี้ ส่วนจะไปกดดันขับนายปดิพัทธ์ (หมออ๋อง) ออกจากรองประธานสภาคนที่ 1 นั้น นักการเมืองที่ดี ไม่ทำกัน และต้องไม่ทำตามแบบอย่างของพรรคเพื่อไทยที่ไม่มีเกียรติยศ มุ่งหวังแต่ยึดครองตำแหน่งแห่งหนที่ได้กระทำกัน

ดังนั้น หมออ๋อง จึงควรตัดสินใจลาออกจากรองประธานสภา เพื่อเปิดทางให้หัวหน้าก้าวไกลคนใหม่ ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์แบบตาม รธน. มาตรา 106

"แม้การเมืองต้องชิงไหวพริบกัน แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ของการเมืองคือการสู้กับคนไม่มีเกียรติยศ ตัวเองต้อมีเกียรติกว่าเท่านั้น ดังนั้น หมออ๋องควรเขียนใบลาออกให้มีผล 23 ก.ย.นี้ เพื่อให้ก้าวไกลได้เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่มาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน"

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าหมออ๋องต้องการให้พรรคก้าวไกลขับออกจากพรรคเพื่อจะรักษารองประธานสภาเอาไว้นั้น โดยหลักการมาตรฐานของพรรคก้าวไกลแล้ว ไม่ควรมีในสิ่งเหล่านี้ สิ่งสำคัญ เมื่อเพื่อไทยเป็นตัวร้ายในการหักหลังทางการเมืองขณะนี้ ดังนั้น เป้าหมายของก้าวไกลจึงต้องสู้เพื่อเป็นความหวังของประชาชน ซึ่งการมีเกียรติจึงเป็นเรื่องใหญ่กว่าครอบครองตำแหน่งทางการเมือง

"เมื่อนายพิธา ตัดสินใจลาออก หมออ๋องจึงไม่ต้องรออะไรเลย อย่าไปสนใจรองประธานสภา หมออ๋องต้องลาออก หากใช้กลไกให้พรรคขับออกเพื่อรักษารองประธานสภาแล้ว จะเอาไปทำไม แต่สิ่งที่ต้องเอาและรักษาไว้ คือ ศักดิ์ศรีและสิทธิของนายพิธา ที่เป็นหัวหน้าพรรค และได้ลาออกหัวหน้า ดังนั้น ก้าวไกลจึงควรยึดมั่นความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคเอาไว้"

นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนรองประธานสภา เป็นเพียงตำแหน่งการบริหารงานประชุมสภา แต่ผู้นำฝ่ายค้านเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติยศสูงและมีอนาคตทางการเมือง แล้วยังได้รับการเคารพจากประธานสภาในที่ประชุมด้วย โดย "นายชวน หลีกภัย" "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" และ "นายชลน่าน ศรีแก้ว" ล้วนเคยเป็นผู้นำฝ่ายค้านมาแล้ว ดังนั้น การลาออกของนายพิธา จึงเท่ากับมีนัยว่า ได้ตัดสินใจให้พรรคเลือกในหนทางผู้นำฝ่ายค้านแล้ว

"ถ้าก้าวไกลต้องการตามรอยไม่มีเกียรติยศแบบเพื่อไทยแล้ว หมออ๋องก็เอารองประธานสภาไว้เลย แต่ถ้าลาออกเป็นการยึดมั่นต่อเกียรติยศของก้าวไกล ที่จะเป็นพรรคความหวังในอนาคต เพราะก้าวไกลไม่ได้มุ่งยึด เอาแต่ตำแหน่ง ซึ่งเท่ากับลดทอนตัวเองลงมาไร้เกียรติและเป็นตัวร้ายทางการเมืองอย่างเพื่อไทยหักหลังก้าวไกล"

ขณะเดียวกัน ย้ำว่าเมื่อก้าวไกลเน้นมาตรฐานการเมืองที่เหนือกว่าเพื่อไทย โดยไม่ยอมตระบัดสัตย์ต่อสัญญาให้ไว้กับประชาชน ดังนั้น หมออ๋องจึงควรสละตำแหน่งรองประธานสภา เพื่อให้พรรคเดินไปสู่ผู้นำฝ่ายค้านที่มีเกียรติยศ และการมุ่งมั่นไปสู่อนาคตแห่งความหวังอย่างสง่างาม อีกอย่างไม่ต้องหวั่นไหวกับถูกยุบพรรค เหมือนเพื่อไทยที่กำลังดิ้นรนในขณะนี้

นายจตุพร กล่าวว่า "นายเศรษฐา ทวีสิน" จะไปประชุมที่ยูเอ็น ซึ่งดูเหมือนทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2549 ที่มีการไปประชุมยูเอ็นมาเกี่ยวข้องด้วย แล้วถูกยึดอำนาจ ยิ่งขณะนี้ทหารในสายของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" คุมกระทรวงกลาโหม เบ็ดเสร็จ อีกทั้งยังส่งคนสนิท 2 คนขนาบข้างกาย "นายสุทิน คลังแสง" รมว.กลาโหม ในตำแหน่งเลขานุการ รมต.และที่ปรึกษา รมต. อีกด้วย ดังนั้น เพื่อไทยอยู่ในสถานะรองทางอำนาจอย่างไม่ต้องกังขาใดๆ

ประเทศไทยต้องมาก่อน