svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เป็นธรรม" ปลายทางฝากเลี้ยง "หมออ๋อง" รักษาเก้าอี้รองประธานสภาฯ

"พรรคเป็นธรรม" ปลายทางฝากเลี้ยง "หมออ๋อง ปดิพัทธ์" รักษาเก้าอี้รองประธานสภาฯ คนที่ 1 พ่วงคว้า "ผู้นำฝ่ายค้าน"

15 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ภายหลังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตัดสินใจลากออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ สามารถทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้นั้น 

แหล่งข่าว ระบุว่า สส.พรรคก้าวไกล มีการพูดคุยกัน ถึงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ของพรรคฯ ดำรงตำแหน่งอยู่ 2 ทางเลือก คือ หากพรรคก้าวไกล ต้องการจะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายปดิพัทธ์ ก็จะต้องลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะทำให้พรรคก้าวไกล มีเพียงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น 

ปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล  รองประธานสภาฯ

แต่อีกทางเลือกหนึ่ง หากพรรคก้าวไกล ต้องการทั้งตำแหน่ง "รองประธานสภาผู้แทนราษฎร" และ "ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร" พรรคก้าวไกล จำเป็นจะต้องหาเหตุ ขับนายปดิพัทธ์ พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล เหมือนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ เคยขับกลุ่ม สส.ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคฯ แล้วไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย เนื่องจาก หากนายปดิพัทธ์ เลือกที่จะลาออกจากตำแหน่งสมาชิกพรรคก้าวไกล ไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นเอง ก็จะทำให้นายปดิพัทธ์ ต้องพ้นจากสมาชิกภาพ สส. และพ้นจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย

ดังนั้น พรรคก้าวไกล จึงจำเป็นจะต้องขับนายปดิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพื่อให้นายปดิพัทธ์ มีเวลา 30 วัน ในการหาสังกัดพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งก็จะช่วยให้พรรคก้าวไกล เข้าเงื่อนไขในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรด้วย คือ เป็นพรรคการเมือง ที่ไม่มี สส.ของพรรคดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธาน หรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร 

แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า สำหรับพรรคการเมือง ที่พรรคก้าวไกล จะฝากเลี้ยงนายปดิพัทธ์นั้น ก็อาจจะเป็นพรรคการเมืองในฝั่งของฝ่ายค้าน เช่น พรรคเป็นธรรม ที่มีนายกัณวีร์ สืบแสง เป็น สส. เป็นต้น แต่หากที่สุดแล้ว พรรคก้าวไกล ตัดสินใจที่จะคว้าเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรเพียงตำแหน่งเดียว ก็จะทำให้สภาผู้แทนราษฎร ต้องเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ ซึ่งจะกลายไปเป็นสิทธิ์ของพรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีเสียงมากเป็นอันดับที่ 2