svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิดพิมพ์เขียว "ปรับโครงสร้างกองทัพ" รักษาดุลย์อำนาจ ฉบับ "บิ๊กทิน"

05 กันยายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เผือกร้อน งาน"กลาโหม" เริ่มมองเห็นแล้วว่ามีอะไรบ้าง ล่าสุดเปิดเบื้องหลังพิมพ์เขียวจาก"ปฏิรูปกองทัพ" พลิกเกมสู่ภาพใหม่ "ปรับโครงสร้างกองทัพ" หวังรักษาดุลย์อำนาจ

สิ่งที่สังคมสนใจ ณ เวลานี้ ไม่ใช่แค่ “โจทย์ยาก” ว่า รมว.กลาโหม พลเรือนแท้ๆ คนแรกอย่าง "สุทิน คลังแสง" ต้องเจออะไร แต่สิ่งที่สังคมอยากรู้จริงๆ ก็คือ "สุทิน"และ"รัฐบาลเพื่อไทย"จะทำอะไรบ้าง และจะทำได้แค่ไหน อย่างไร มากกว่า 

ไม่ว่า"พรรคเพื่อไทย"หาเสียงเอาไว้อย่างไร ไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะประชาชนจำนวนไม่น้อยอยากได้สิ่งที่ "ตรงและแรง" ตามนโยบายหาเสียงที่พรรคก้าวไกลประกาศ และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชนะเลือกตั้งเข้ามา 

เปิดพิมพ์เขียว \"ปรับโครงสร้างกองทัพ\" รักษาดุลย์อำนาจ ฉบับ \"บิ๊กทิน\"

ฉะนั้นแม้ที่ผ่านมา "เพื่อไทย"จะไม่ได้ประกาศนโยบายสุดโต่งแบบก้าวไกล แต่ก็ต้องรับแรงกดดันนั้นมาด้วย และต้องทำให้ได้

1.ปฏิรูปกองทัพ - หลักๆ คือ ลดจำนวนนายพล / ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร 

2.ลดงบประมาณ การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ นำเม็ดเงินไปใช้อย่างอื่นที่จำเป็นกว่า 

3.ยุบเลิกหรือปรับภารกิจหน่วยงานความมั่นคงบางหน่วยงาน โดยเฉพาะ กอ.รมน. ในภารกิจดับไฟใต้ 

4.จัดโครงสร้างองค์กรกลาโหมใหม่ ในแนว “จิ๋วแต่แจ๋ว” ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยงานด้านความมั่นคงและการรบมากยิ่งขึ้น

และเผือกร้อนล่าสุดชิ้นแรก คือ การเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน ชั้นหยวนคลาส รหัส S26T ซึ่งต่อใกล้เสร็จลำแรกใกล้ส่งมอบแล้ว แต่เยอรมนีไม่อนุมัติขายเครื่องยนต์ให้ ทำให้ต้องใช้เครื่องยนต์ดีเซลของจีน ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้สำหรับ “เรือผิวน้ำ” แต่จะปรับมาใช้กับ “เรือดำน้ำ” เป็นหนูทดลอง 2 ประเทศแรกของโลก คือ ปากีสถาน กับไทย / คำถามคือ รมว.กลาโหม ที่ชื่อ “บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง จะยอมหรือไม่ 

ใครที่บอกว่า "บิ๊กทิน - สุทิน คลังแสง" ไม่พร้อม คงต้องคิดใหม่ เพราะแม้เจ้าตัวจะไม่มีประสบการณ์มากนักเกี่ยวกับงานด้านการทหารแะความมั่นคง แต่มีที่ปรึกษาและทีมงานที่ดี โดยเฉพาะ 3 ทหารเสือที่วางตัวไว้ คือ 

"พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก"  อดีตปลัดกลาโหม - ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงกลาโหม 

"พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์" อดีตเลขาฯ สมช. อดีตรอง ผบ.ทบ. - คาดว่าเป็นเลขานุกการ รมว.กลาโหม 

"พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี" สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย สส.อดีตบิ๊กทหารหนึ่งเดียวของเพื่อไทย และอดีตแม่ทัพภาค 4 - ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม 

เปิดพิมพ์เขียว \"ปรับโครงสร้างกองทัพ\" รักษาดุลย์อำนาจ ฉบับ \"บิ๊กทิน\"

แกนหลักที่เป็น "มือทำงาน" คือ "พล.อ.นิพัทธ์" หรือ ”บิ๊กแป๊ะ” ซึ่งเราเล่าประวัติแบบละเอียดให้ฟังหลายครั้งแล้ว 

และล่าสุด"เนชั่นทีวี" ได้ “พิมพ์เขียวนโยบายกลาโหม” ที่ รมว.สุทิน จะนำไปแถลงต่อสภา และใช้ในการขับเคลื่อนงานของกองทัพให้เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชน 

1.นโยบายที่ประกาศ จะเป็น "นโยบายของรัฐบาล" ไม่ใช่ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทุกพรรคมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและทำให้บรรลุผล 

2.แนวทาง - ใช้คำว่า "ปรับโครงสร้างกองทัพ" 

**เป็นคำสุภาพ ไม่ให้ความรู้สึกในแนว "คุกคามกองทัพ" มากจนเกินไป
**การจะผลักดันเรื่องยากๆ ให้สำเร็จ ต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้าใจ ไม่ใช่หักด้ามพร้าด้วยเข่า 

3.นโยบาย "ปรับโครงสร้างกองทัพ" ประกอบด้วย 4 ด้าน 

-เรื่องคน หรือจำนวนกำลังพล ซึ่งรวมถึงจำนวนนายพลที่ถูกมองว่ามากจนเกินไป หรือมากที่สุดในโลกด้วย 

-เรื่องเม็ดเงิน หรืองบประมาณ 

-เรื่องอาวุธยุทโปกรณ์ 

-เรื่องการบริหารงานในกองทัพ 

เปิดพิมพ์เขียว \"ปรับโครงสร้างกองทัพ\" รักษาดุลย์อำนาจ ฉบับ \"บิ๊กทิน\"

ทั้ง 4 เรื่องนี้จะทำควบคู่กัน มีแผนงานชัดเจน เร็วๆ นี้จะมีการ "ตั้งคณะทำงาน" ไม่ใช่เพื่อศึกษา แต่เพื่อสรุปเป็นแผนปฏิบัติ และทำทันที เพราะไม่มีเวลาต้องมาศึกษากันอีกแล้ว เนื่องจากได้ศึกษามามาก และรู้ปัญหามานานแล้ว 

4.หลักการในการดำเนินนโยบาย คือ "ขอทำงานร่วมกันกับกองทัพ" เพราะ

-ทราบดีว่ากองทัพก็พยายามปรับโครงสร้างภายในมาตลอด 
-กองทัพก็เห็นด้วยว่าต้องมีการปรับโครงสร้างของตนเอง 
-มีการประชุมหารือเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการแล้ว คือ วงหารือเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ย. ที่มีนายกฯเศรษฐาเข้าด้วย 

5.การดำเนินนโยบายต้องกระชับ รวดเร็ว และเห็นผลเชิงปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมจริงๆ ในเวลาที่เหมาะสม

 4 ภารกิจ "สายล่อฟ้า" ผ่าโครงสร้างกองทัพ

รูปธรรมที่หากทำได้ จะสร้างกระแสตอบรับอย่างมากกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็คือ ลดจำนวนนายพล / ยกเลิกเกณฑ์ทหาร / ลดงบซื้ออาวุธ / และปรับโครงสร้าง หรือปรับภารกิจหน่วยงานความมั่นคงที่เป็นกลไกสำคัญของกองทัพอย่าง กอ.รมน. 

มาดูสิ่งที่ “รัฐบาลเพื่อไทย” และ “บิ๊กทิน - สุทิน คลังแสง” เตรียมแผนดำเนินการ 

 ลดจำนวนนายพล 

“เนชั่นทีวี” เคยเปิดข้อมูล “จำนวนนายพลเมืองไทย” ซึ่งเป็นข้อมูล exclusive แม้แต่คนในกองทัพเอง น้อยคนนักที่จะทราบ และตัวเลขนี้แทบไม่เคยเปิดเผยที่ไหน รู้กันแต่ว่านายพลเมืองไทยมีเยอะ อาจจะเยอะที่สุดในโลก 

ข้อมูลที่เคยนำมาเปิดเอาไว้ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.66 / ตัวเลข "นายพล" ทุกเหล่าทัพ ก่อนปรับย้ายนายทหารปีนี้ อยู่ที่ 1,514 นาย

แผนของกองทัพ เป็นแผน 20 ปี คือ ปี 2551-2571 ลดนายพลปฏิบัติการ เป้าหมายลดลง 50% จากเดิม 2,696 นาย เหลือ 1,349 นาย 

จะเห็นได้ว่าตัวเลขนายพลปัจจุบันขยับใกล้เป้าหมาย 

คณะทำงานของ "บิ๊กทิน" นำตัวเลข ข้อมูล สถิติ และกราฟต่างๆ มาดูกันแล้ว พบปัจจัยที่เป็นต้นตอของปัญหา "นายพลล้น" คือ 

1.บางช่วงเวลา ผลิตนักเรียนนายร้อยออกมาจำนวนมาก เพื่อรับมือกับสถานการณ์ด้านความมั่นคง โดยเฉพาะภัยสงครามจากภายนอก สงครามตามแนวชายแดน และสงครามในประเทศเพื่อนบ้าน หรือในภูมิภาค 

**ผลิตนักเรียนนายร้อยมากขึ้นทั้ง 3 เหล่า และ ทบ.มากที่สุด
**ทหารกลุ่มนี้จะทยอยเกษียณในช่วงนี้ถึงปี 2570 
**ตั้งแต่ปี 2570-2572 จะเริ่มเห็นผล นายพลลดจำนวนลงอย่างมีนัยสำคัญ 

2.การเปิดหน่วยใหม่ และเปิดอ้ตราใหม่เพื่อรองรับหน่วยที่ตั้งใหม่ รวมถึงเปิดอัตราตอบแทนกำลังพลบางส่วนก่อนเกษียณอายุราชการ

**ส่วนนี้ต้องตีกรอบ วางมาตรการ หรือกฎเหล็กใหม่ให้ชัดเจน 

ยกเลิกเกณฑ์ทหาร 

-ใช้วิธีลดเพดานกำลังพลจากทหารเกณฑ์ที่ต้องการใช้ในแต่ละปีลง เช่น ปัจจุบันอยู่ที่ 90,000 นาย อาจจะเจรจาให้ลดเหลือ 60,000 นาย เป็นเป้าหมายใหม่ 

-เปิดรับสมัครก่อน (เดิมเกณฑ์ไปสมัครไป) 

**ก่อนเปิดรับสมัคร ให้มีมาตรการจูงใจเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการ ลดการหักค่าประกอบเลี้ยง เพื่อให้ได้เงินเดือนเต็มเม็ดเต็มหน่วย
**จากนั้นจึงเปิดรับสมัคร คาดว่ายอดการสมัครจะมากขึ้น 
**ได้เท่าไหร่ ถ้าไม่ครบ ค่อยเกณฑ์ในส่วนที่เหลือ 

-ถ้าทำได้จะเป็นความสำเร็จ "ก้าวแรก" 

-ไม่สมควรยกเลิก พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 (กฎหมายเกณฑ์ทหาร) เพราะประเทศมีความจำเป็นต้องใช้ 

**ส่วนนี้ส่วนทางกับนโยบายพรรคก้าวไกลที่จะแก้ไขแบบรื้อใหญ่ หรือยกเลิก พ.ร.บ.รับราชการทหารฯ 

ลดงบซื้ออาวุธ 

-นโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย จะไม่มุ่งไปที่การตัดงบซื้ออาวุธทั้งหมด แต่จะให้เสนอแผน "ตามความจำเป็น" 

-ซื้ออาวุธได้ แต่ต้องใช้วิธี "บาร์เตอร์" ควบคู่กันไป เช่น ซื้อยุทโธปกรณ์จากประเทศผู้ผลิต/ผู้ขาย ก็ต้องเจรจาให้รัฐบาลของประเทศนั้นซื้อผลิตผลทางการเกษตร หรือซื้อสินค้าจากไทยในราคาใกล้เคียงกัน 

**แนวทางนี้ "นายกฯเศรษฐา" เห็นด้วย และในวันพบปะหารือกับผู้นำเหล่าทัพ (วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน) จึงเชิญ "ปานปรีย์ พหิทธานุกร" รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ไปร่วมพูดคุยด้วย เพื่อใช้กลไกของกระทรวงการต่างประเทศ ทำเรื่องนี้

**ส่วนเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน มีทางออกแล้ว เป็นทางออกที่ "บิ๊กทิน" ยังไม่ยอมเผย (แต่ทางเนชั่นทีวีได้รับข้อมูลมาแล้ว จะมารายงานให้ทราบต่อไป)  

ปรับโครงสร้าง/ภารกิจ กอ.รมน. 

-ดำเนินการแน่ และคนในกองทัพก็เห็นด้วย 

-กอ.รมน.กลายเป็น "หน่วยงานไขมัน" ของกองทัพ ใหญ่โตรุงรัง และทำให้กำลังพลในกองทัพบางส่วน "สวมหมวก 2 ใบ" เช่น แม่ทัพ เป็น ผอ.รมน.ภาค 1-4 ในเวลาเดียวกันด้วย 

-กำลังพลใน กอ.รมน.บางส่วน ข้ามฟากไปปฏิบัติหน้าที่ใน กอ.รมน. เพราะไม่มีเส้นทางเติบโต หรือไม่มีตำแหน่งในกองทัพ แต่ใน กอ.รมน.ก็เป็นงานในลักษณะ "ช่วยราชการ" หรือ "ช่วยปฏิบัติตามภารกิจ" ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่จริงตามกฎหมาย จึงกลายเป็นช่องทางการเติบโต หรือไปฝากแปะตำแหน่งเอาไว้ เพื่อรอขยับในปีถัดไป

เรื่องนี้อ่อนไหว การแก้ไขปัญหาจะไม่ทำแบบเฉพาะเจาะจง แต่จะทำในภาพรวม 

นี่คือ "พิมพ์เขียวปรับโครงสร้างกองทัพ" ฉบับรัฐบาลเพื่อไทยที่สะท้อนว่า 

-รู้ปัญหาพอสมควร

-เลือกใช้วิธีประนีประนอม ค่อยเป็นค่อยไป ไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า 

-ไม่พยายามเปิดฉากเป็นศัตรู หรือทะเลาะกับกองทัพ

-ไม่แสดงท่าทีด้อยค่ากองทัพ

อาจเป็นเพราะเพื่อไทยมีประสบการณ์ เคยโดนรัฐประหารมา 2 ครั้ง 

อาจไม่สะใจกองเชียร์ หรือแฟนคลับเพื่อไทยที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็ว รุนแรง เห็นผลทันตา 

งานนี้จะออกแนวเกี้ยเซี้ย มวยล้มต้มคนดู หรือจะเป็นการเดินทางสายกลาง แล้วกองทัพปรับเปลี่ยนได้จริงๆ ด้วยฝีมือของทีมงานมืออาชีพ ต้องรอดูกันต่อไป!!

 

logoline