25 สิงหาคม 2566 "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่พบปะประชาชนและผู้ประกอบการย่านเมืองเก่า จ.ภูเก็ต ว่า หลังจากที่ได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการ จ.ภูเก็ต ก็ได้มีการรับฟังและแสดงความคิดเห็น พร้อมรับฟังปัญหาและความต้องการ ที่จะเอาไปประกอบกับนโยบายโดยรวม เริ่มตั้งแต่ปัญหาความแออัดของสนามบิน การจราจร ระบบการจัดการขยะ ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ซึ่งก็อาจจะต้องต่อท่อส่งมาจาก จ.พังงา รวมไปถึงเรื่องของโซนนิ่ง ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เป็นการขยายเวลาให้สถานบันเทิงต่างๆ แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและมั่นคง
ทั้งนี้ หลายๆ อย่างที่ได้รับฟังปัญหามา พบว่าโครงการหลายอย่าง ถูกพักไป หรือล่าช้า เพราะวิธีการดูแต่ละโครงการ ต้องดูเรื่องผลตอบแทนแต่ละโครงการ ซึ่งบางทีก็อาจมีผลตอบแทนที่ต่ำหรือช้า โดย จ.ภูเก็ต มองว่าเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของประเทศ บางโครงการก็อาจจะมีการขาดทุน แต่หากมีการดำเนินการไปแล้ว ทำให้จ.ภูเก็ตโดยรวมดีขึ้น ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น มีนักท่องเที่ยวเข้าออกมากขึ้น ก็ต้องดูอุปสงค์และอุปทานจากการที่ลงทุนเรื่องนั้นไป วันนี้ (25ส.ค.) ก็เลยมารับฟังข้อมูลและนำไปพิจารณา ก่อนจะออกมาเป็นแผนแม่บทอีกทีหนึ่ง
ส่วนสิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการก่อนที่จะถึงไตรมาสที่ 4 ของปี โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยวนั้น มีหลายอย่าง ทั้งการเพิ่มบุคลากร การตรวจคนเข้าเมือง เรื่องวีซ่าของนักท่องเที่ยวจากหลายๆประเทศ ที่อาจจะต้องได้รับการยกเว้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นแล้ว ซึ่งหลายคนที่อยากจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยก็ต้องมีการจองโรงแรมและสายการบิน ย้ำว่าหลายเรื่องต้องดูให้รอบคอบ
"อยากให้มีการฟอร์มรัฐบาลได้โดยเร็ว และมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ออกนโยบายมาเร็วๆ" นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา ยังย้ำถึงเรื่องการยกเลิกวีซ่าบางประเทศนั้น ก็ต้องไปปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากมีหลายประเทศด้วยกัน บางประเทศได้ฟรีวีซ่าอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะต้องมีการขยายจำนวนวันให้เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ เพราะหลายประเทศที่มีอากาศหนาวมากในช่วงฤดูหนาว ก็มีความต้องการที่จะอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 30 วัน โดยอาจจะต้องขยายเป็น 90 วันได้
ส่วนนโยบายผลักดันเรื่องจ.ภูเก็ต 24 ชม. ย้ำว่าต้องศึกษาให้รอบคอบอีกทีหนึ่ง เพราะอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องของโซนนิ่ง ก็ต้องขอดูก่อน เพราะอาจมีผลกระทบต่อเพื่อนบ้านด้วย เรื่องของความปลอดภัย เรื่องของการดูแลความมั่นคง ก็ต้องดูให้ดีให้ครบวงจร พร้อมย้ำว่าในแต่ละโครงการ ที่ดูแบบเป็นโปรเจคเบส ซึ่งก็อาจจะไม่ผ่านการกลั่นกรอง ก็ต้องดูแบบองค์รวมทั้งหมด
"ถ้าทำแล้วภูเก็ตทั้งจังหวัดดีขึ้น ก็ไปหารายได้เสริมจากทางอื่นเข้ามา และก็อาจจะมีอีกหลายโครงการที่ไม่เกี่ยวกับตัวเลขการเงิน แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัย เช่น อุโมงค์ของทางด้านป่าตอง ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็มีงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้นหลักหมื่นล้านแล้ว ในตอนนี้ก็ต้องดูให้ดีอีกที" นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ระบุว่าได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีหลังได้รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า รู้สึกว่าจะโทรมาตั้งแต่วันพุธแล้ว ก็บอกว่าเดี๋ยวก็คงได้เจอกันที่โปโลคลับ
เมื่อถามต่อว่า เห็นนายพิธาได้ฝากเรื่อง การแก้วิกฤตศรัทธาประชาชนด้วยอีกอย่างไร นายเศรษฐา ตอบสั้นๆ ว่า "ก็รับฟังครับ"
ทั้งนี้ นายเศรษฐา พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจด้านนโยบายการท่องเที่ยวของพรรคเพื่อไทย ยังได้ร่วมเดินพบปะนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการย่านตลาดเมืองเก่าภูเก็ต โดยนายกรัฐมนตรี แวะร้าน Torry's ชิมคอฟฟี่เค้ก และทักทายนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวในย่านนี้ และยังได้ถ่ายรูปร่วมกับประชาชน อีกทั้ง ยังมีผู้ประกอบการร้านเบเกอรี่ได้นำชีสเค้ก มาส่งให้นายกรัฐมนตรีได้ลองชิม ซึ่งนายเศรษฐาบอกว่าอร่อยมาก เพราะเป็นคนชอบกินชีสเค้กอยู่แล้ว
นอกจากนี้ นายเศรษฐาได้แวะ Baan 92 ซึ่งเป็นสถานจัดกิจกรรมเรียนรู้วัฒนธรรมในพื้นที่ แวะชมการสาธิตผัดหมี่ฮกเกี้ยน และยังได้ลองปั้นขนมเต่าแดง หรือ อังกู๊ ซึ่งเป็นขนมพื้นเมือง เป็นขนมมงคล ใช้ในพิธีไหว้เจ้า ตรุษจีน แต่งงาน ของชาวภูเก็ต
โดยคนในพื้นที่ได้สอบถามนายเศรษฐา ว่าเคยปั้นมาก่อนหรือไม่ ซึ่งนายเศรษฐา ตอบว่า เคยปั้นแต่นานมาแล้วมา 50 ปีก่อน ซึ่งคล้ายกับการปั้นดินน้ำมัน หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ใช้เวลาพูดคุยกับผู้ประกอบการย่านเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อรับฟังความเห็นและข้อเสนอ