svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เพื่อไทยเสี่ยงชวดตั้งรบ.ให้พรรคอันดับ 3-4 หากไม่ยึดเจตนารมณ์ปชช.

04 สิงหาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ภราดร พัฒนถาบุตร" ชี้เพื่อไทยตั้งรัฐบาลไม่ง่าย แถมมีโอกาสเสี่ยงหลุดถึงพรรคอันดับ 3-4 หากไม่ยึดตามเจตนารมณ์ 312 เสียงจากประชาชน

5 สิงหาคม 2566 "พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร" อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. มองถึงทิศทางการเมืองผ่าน "เนชั่นทีวี" โดยเฉพาะการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าไม่รอถึง 10 เดือน แต่ปัญหาที่ผ่านมา อยู่ที่ สว. กับการใช้กลยุทธ์ จนทำให้พรรคก้าวไกลถูกมองว่าเป็นตัวปัญหา พร้อมทั้งยังได้ตั้งข้อสังเกต โดยเฉพาะองคาพยพที่เกี่ยวข้องกับการโหวต รวมถึงองค์กรอิสระ ดูจะเก้ๆ กังๆ เนื่องจากผู้กำกับไม่อยู่

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร
 

“ศาลรัฐธรรมนูญควรชี้เรื่องแบบนี้ว่า รับไม่รับ แต่ถ้าดึงเวลารอพิจารณาแล้วเลื่อน เมื่อถึงวันที่ 16 ส.ค. จะได้ข้อยุติหรือไม่ โอกาส ได้กับไม่ได้ รับหรือไม่รับ แล้วพิจารณาจบเมื่อไหร่ แล้วยิ่งสภาวะการณ์ขรุขระ อึมครึม ทำให้ต้องดูเป็นรายวัน” พล.ท.ภราดร กล่าว

นอกจากนี้ มองว่า "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นพวกสุขนิยมไม่ชอบการเผชิญปัญหา อาจถอยไปพรรคที่ 4 ก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่วนท่าทีเพื่อไทยช่วงนี้ดู ว้าวุ่น สับสน เนื่องจากปฏิกิริยามวลชนตีกลับ อีกทั้ง ยังถูกมองในภาพลบ ดังนั้น การจัดตั้งรัฐบาลเมื่อฝั่งตรงข้ามเป็นต่อ ก็ไม่ง่ายสำหรับเพื่อไทย

สำหรับโอกาสไปสู่พรรคที่ 4 นั้น มีแนวโน้มสูง ยกเว้นเพื่อไทยต้องมีความเข้มแข็ง และกลับไปยึดมั่นเจตจำนงที่ประชาชนเลือกตั้งมา คือ กลับไปที่ 312 เสียงตามเดิม ส่วนข้างหน้าจะเกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรืองูเห่า ก็ต้องไปดูหน้างานอีกครั้งหนึ่ง ตราบใดเพื่อไทยยังเดินหลุดกับดักหลุมพราง 312 เสียง จะทำให้ต่อรองยาก และส่งผลให้พรรคที่ 4 ได้เป็นนายกฯสูง

“ผมมองว่าอาจไม่ข้ามไปถึงพรรคที่ 3 ที่ 4 เพราะอาจถูกขั้นโดยคุณชัยเกษม แต่ถ้ามาถึงอุ๊งอิ๊งค์ คงข้ามไปเลย เพราะเชื่อว่าทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และพรรคเอง คงไม่อยากให้มาติดกับดัก และเพื่อไทยยังมีตัวแก้ คือ คุณชัยเกษม ซึ่งอุ๊งอิ๊งค์ อายุยังน้อย มีเวลาอีก 3-4 ปี รอได้ ซึ่งทุกคนประสงค์ตั้งรัฐบาลให้ได้ ดังนั้น ถ้าตั้งรัฐบาลให้ได้แล้วต้องแก้รัฐธรรมนูญโดยเร็ว ส่วนใหญ่เป็นเรื่องกฎหมาย สเปกนี้คุณชัยเกษม เหมาะสุด เพราะเคยเป็นอดีตอัยการสูงสุด และอดีตรมว.ยุติธรรม เชื่อว่าทุกฝ่ายรับได้” พล.ท.ภราดร ระบุ

ขณะเดียวกัน เพียงแต่ว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการอำนาจบริหาร เพื่อปกป้องตนเอง ทำให้เกิดการยึกยัก เพราะถ้านายเศรษฐา มีปัญหา ก็จัดการนายชัยเกษมอีกคน เพื่อเข้าไปพรรคที่ 3 แต่นายอนุทิน สุขนิยม ไปพรรคที่ 4 ตามผู้เขียนบทเขียนไว้ คือ ไม่มีก้าวไกล นายกฯ เป็น พล.อ.ประวิตร และไม่ไปคนนอกแน่นอน เว้นแต่ผู้กำกับจะมีบทบาท

ส่วน พล.อ.ประวิตร จะเหมาะเป็นนายกฯหรือไม่นั้น ซึ่งคนอยากได้อำนาจมักหูตึง หากเพื่อไทยเปิดหู เปิดตา ก็ไม่อยากฟัง เพราะไปช่องไหนในโซเชียล ก็มีแต่เรื่องให้ถูกตำหนิ แต่พื้นฐานขั้วอำนาจนิยม ไม่รับฟังหรือคำนึงจริยธรรม ต้องการไปสู่เป้าหมาย ให้ได้อำนาจก่อนค่อยว่ากัน และพล.อ.ประวิตร เชื่อว่ารับมือได้ เพราะยังคิดแบบเดิมๆ เช่น ม็อบรวมถึงสถานการณ์รูปแบบเดิม ซึ่งโซเชียลมีอิทธิพล การชุมนุมเป็นเชิงสัญลักษณ์ แต่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ยิ่งเฉพาะประเทศประชาธิปไตย ทำให้เกิดความอ่อนไหวไปด้วย

สำหรับเรื่องการยึดอำนาจตอนนี้ ยึดได้ แต่ไปต่อไม่ได้ และคนที่ทำก็จะไม่มีแผ่นดินอยู่ หรือยึดแล้วปล่อย คนทำก็ไม่รอดอยู่ดี แต่ถ้าทำตาม 312 เสียง ประเทศนี้ก็พ้นหมอกควันเหล่านั้น เพราะประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงแบบใหม่ ถ้าสนองตรงนี้รัฐธรรมนูญจะเป็นตัวตอบได้ชัด และหมอกควันอาจหายไปแบบฉับพลัน โดยเอารัฐธรรมนูญ 2540 เป็นตัวตั้ง และเชื่อว่าเร็วๆนี้ ทุกอย่างจะหาทางออกลงตัวได้ กลับมาสู่หลักเดิม คือ ตามเจตนารมณ์ของประชาชน


 

logoline