31 กรกฎาคม 2566 รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยถึงสถานการณ์การเมือง ก่อนถึงวัน 4 ส.ค. ในการโหวตเลือกนายกฯ โดยเฉพาะที่มีการหยิบประเด็น “นายเศรษฐา ทวีสิน” ที่เคยพูดถึงการแก้ไขมาตรา 112 โดยระบุว่า เรื่องนี้ถือเป็นการเดินเกมของกลุ่มชนชั้นนำ ที่พยายามหักหลังเพื่อไทยอีกรอบ โดยเฉพาะกับ “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้ถูกขยายผลมาถึงเพื่อไทย ไม่ใช่เพียงแค่ก้าวไกลที่ถูกกดดัน เกี่ยวกับเรื่อง ม.112 เพราะนายเศรษฐา หรือแม้กระทั่ง อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ก็เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้ ขณะเดียวกัน กรณีที่มีกระแสข่าว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ที่บินไปพบอดีตนายกฯทักษิณ กับเงื่อนไขถ้ามีก้าวไกล ก็ต้องไม่มี พลังประชารัฐ หรือ รวมไทยสร้างชาติ
“จากประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ มีความพยายามบีบเพื่อไทย ทั้งให้ตัดมิตรก้าวไกล และฉีก MOU พร้อมทั้งบีบทักษิณ ทำให้โอกาสกลับบ้านยากขึ้น เนื่องจากทักษิณทุกวันนี้ ไม่มีแก้ว 3 ประการในมือ คือ บริหาร นิติบัญญัติ และมวลชนที่ทุกวันนี้ก็แตกเป็นเสี่ยง ทำให้เผลอ ๆ จะไหลไปเข้าทางภูมิใจไทย หรือ พลังประชารัฐ”
รศ.ดร.โอฬาร บอกด้วยว่า ต้องจับตาพรรคเพื่อไทยช่วง 1-2 วันนี้ จะมีท่าทีใด ๆ ออกมาชัดเจนหรือไม่ ก่อนจะถึงวันที่ 3 ส.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมอ่านคำวินิจฉัยข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นไป แต่ถึงเพื่อไทยจะประกาศอย่างไร ก็มีแต่ผลเสียต่อเพื่อไทยอยู่ดี คือ ถ้าฉีก MOU ก็เสียภาพลักษณ์ และกู้กลับยาก
ทั้งนี้ ถ้าหักก้าวไกล ชัดเจนเพื่อไทยจะได้นายกฯ หรืออาจไม่ได้ก็ได้ เพราะเหมือนเกมนี้บีบให้ไปเข้าทาง พล.อ.ประวิตร เพราะยิ่งเห็นชัดจากการปรับโครงสร้างพลังประชารัฐใหม่ โดยให้ ร.อ.ธรรมนัส ธรรมนัสพรหมเผ่า เข้ามาเป็นเลขาธิการพรรค และหากไปทาง พล.อ.ประวิตร จริง ก็อาจจะได้เห็น สส.งูเห่า เพื่อไทย ไปโหวตให้ จากกลุ่มบ้านใหญ่ หรือสส.ที่มีต้นทุน
“จริง ๆ แล้ว ทั้งหมดเพื่อไทยควรจบกับก้าวไกลก่อนวันที่ 27 ก.ค. แต่มาติดเงื่อนไข MOU แต่ถ้าจะทุ่มหมดหน้าตัก ก็ควรได้นายกฯ หากจะข้ามขั้ว ควรรีบเดินหน้าโดยเฉพาะนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อลดแรงเสียดทานจากประชาชน”