svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ระวังสะดุด... 4 สูตรไม่สะเด็ดก่อนเห็นโฉมหน้ารัฐบาล 

29 กรกฎาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จากสัญญาณชัดแจ๋ว ทุกอย่างน่าจะคลาดแคล้ว ไร้ปัญหา สะดวกโยธิน ทั้งการกลับบ้านและการจัดตั้งรัฐบาล แต่ปรากฏว่าล่าสุดมีปัญหาฝุ่นตลบให้ต้องปวดหัวเรื่อง "สูตรรัฐบาลใหม่"

เรื่องนี้เป็นไปตามที่ พล.ท.นันทเดช พูดเอาไว้ และตรงกับที่ "อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายความมั่นคง" ซึ่งเป็นทีมยุทธศาสตร์ของฝ่ายผู้มีอำนาจ ได้วิเคราะห์เอาไว้ก่อนหน้านี้ สรุปง่ายๆ ก็คือ 

  • ภูมิทัศน์การเมืองเปลี่ยน ก้าวไกลโตเร็ว และมาแรงกว่าที่คาด 
  • ฝ่ายอนุรักษ์นิยมพังพาบ เดินหน้าไม่ได้ ผลงานที่ทำไว้ก็ไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร ส่งผลให้แพ้เลือกตั้ง และหลายพรรคมีแนวโน้มปิดฉาก ลุงกลับบ้าน 
  • ขาดแคลนผู้นำฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่มีความน่าสนใจ พูดง่ายๆ คือ ไม่มีผู้นำที่มีภาพ "เซ็กซี่ มีเสน่ห์" มากพอที่จะสู้ผู้นำฝ่ายเสรีนิยมได้ 
  • ตัวเลือกเดียวที่จะสกัดก้าวไกลไม่ให้ครองประเทศ และเปลี่ยนแปลงประเทศไปตามที่ประกาศเอาไว้ ก็คือการดันหลังให้พรรคเพื่อไทยขึ้นมามีอำนาจ และเปิดทางให้คุณทักษิณกลับบ้าน 
  • จากความจำเป็นทางการเมืองทั้งหมดนี้เอง จึงเกิด "มหาดีล" ที่เชื่อมโยงกันระหว่างการตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล แลกกับเงื่อนไขให้ "ทักษิณ ชินวัตร" กลับบ้าน 


ระวังสะดุด... 4 สูตรไม่สะเด็ดก่อนเห็นโฉมหน้ารัฐบาล 

แผนที่วางเอาไว้ใกล้สำเร็จ แต่มาสะดุดตรงที่ "โผรัฐบาลใหม่" จะมีพรรคไหนเข้ามาร่วมบ้าง

ข่าวลือ ข่าวลับ ที่ออกมาช่วงนี้ และพิสูจน์แล้วว่าน่าจะเป็น "ข่าวจริง" ซึ่งส่งผลต่อ "สูตรการตั้งรัฐบาล" จนทำให้ฝุ่นตลบขึ้นมาอีกรอบก็คือ 

ระวังสะดุด... 4 สูตรไม่สะเด็ดก่อนเห็นโฉมหน้ารัฐบาล 

  1. ช่วงก่อนวันเกิดของ "ทักษิณ" มีแกนนำพรรคการเมืองแทบทุกพรรค ทุกขั้ว ทุกฝ่าย บินไปอวยพร เพราะรู้ดีว่า ชายคนนี้ คือ ผู้มีอำนาจต่อรองสูงสุดในปัจจุบัน 
  2. มีการเจรจายื่นข้อเสนอขอเข้าร่วมรัฐบาล แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ที่มีแกนนำระดับว่าที่เลขาธิการพรรคคนใหม่ บินไปด้วยเช่นกัน 
  3. พรรคลุงบางพรรคต่อรองหนัก เรียกร้องหนัก จน "คนแดนไกล" หน้าชา คิดหนัก
  4. อีกด้าน ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล ก็บินไปจริงตามที่ลือกัน และกลับแสดงท่าทียอมถอยเรื่อง ม.112 เพื่อขออยู่ร่วมในรัฐบาลต่อไป เรียกว่า "ถอยสุดซอย" ทำให้ "คนแดนไกล" ลังเล 
  5. สองแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทย คือ "อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร" และ "เศรษฐา ทวีสิน" กังวลหากดึงพรรคลุงเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพราะเคยประกาศไว้ชัดเจน จะไม่ร่วมงานกับพรรคลุง 

เนื่องจากกังวลกับผลที่ตามมา

  • เกรงจะถูกขุดมาโจมตีไม่เลิก-เสียคะแนนนิยมฝ่ายตน
  • เสียคะแนนนิยมจากด้อมส้ม แม้เป็นรัฐบาลได้ มีอำนาจรัฐ แต่ก็แย่งคะแนนนิยมมายาก
  • ต้องเสี่ยงกับฝ่ายค้านอย่างก้าวไกล ซึ่งทำงานค่อนข้างเป็นระบบ และมีโซเขียลมีเดียเป็นอาวุธ 
  • ทิศทางพรรคในอนาคต ไม่ควรไปเป็นพรรคสายอนุรักษ์นิยมใหม่ เพราะอาจเสียท่าก้าวไกลอีกรอบได้ 

ทั้ง 5 ข้อนี้ ทำให้เกิดสูตรรัฐบาลปลิวว่อนในกระแสสื่อ โดย "ข่าวข้นคนข่าว" ได้รวบรวมสูตรเฉพาะที่เป็นไปได้มากที่สุด 4 สูตร มากางเรียง ทว่า แต่ละสูตรยังไม่สะเด็ดน้ำ จึงขอเรียกว่า "สูตรไม่สะเด็ด" และอาจส่งผลให้รัฐบาลเพื่อไทยเกิดอาการสะดุดได้เหมือนกัน 

สำหรับใน 4 สูตรไม่สะเด็ดนี้ แต่ก็มีสูตรที่มาแรงสุด ณ เวลานี้ คือ สูตรที่ 4  

เงื่อนไขที่ทำให้สูตรที่ 4 มาแรง และมีแนวโน้มสำเร็จ คือ 

  1. ก้าวไกลได้ร่วมรัฐบาล เพื่อไทยไม่ต้องเป็นผู้ร้าย 
  2. สองแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยสบายใจ ไม่ต้องผิดคำพูด 
  3. ก้าวไกลอาจยอมถอยเรื่อง ม.112 ตามข่าวเรื่องผู้นำจิตวิญญาณบินไปฮ่องกง แม้ต้องยอมแลกกับการร่วมงานกับภูมิใจไทย แต่ก็ยังดีกว่าจับมือหรือต้องเจอพรรคลุงจนตัวเองต้องกระเด้งไปเป็นฝ่ายค้าน 
  4. เสียงสนับสนุนแน่นปึ้ก รัฐบาลล้มยากมาก และไม่มีพรรคใดมีอำนาจต่อรองมากเกินไป 
  5. ไม่ต้องพึ่งพาเสียง สว.เลย ลดแรงกดดันในการโหวตนายกฯรอบ 3

ถ้ารวมกันได้แบบนี้ จบวันที่ 4 ส.ค.แน่นอน และยังพอหาคำตอบ คำอธิบายกับสังคมได้ ว่าทำไมต้องรวมเสียงแบบนี้ 

ระวังสะดุด... 4 สูตรไม่สะเด็ดก่อนเห็นโฉมหน้ารัฐบาล 

วิธีการที่นำไปสู่สูตรนี้ก็ไม่ยากนัก ก็แก้ไขเอ็มโอยูเล็กน้อย ไม่ต้องฉีกหรือรื้อใหม่ ด้วยการเพิ่มพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไป จาก 8 พรรค เป็น 10 พรรค หรือ 8+2 และปรับถ้อยคำตรงข้อตกลงเรื่อง "นโยบายกัญชา" ก็น่าจะจบ ส่วนเรื่อง ม.112 ไม่ได้อยู่ในเอ็มโอยู อยู่แล้ว 

ถ้าไล่เรียงดูความเห็นของของแกนนำในกลุ่ม 8 พรรคร่วมฯ เช่น "กังฟู" วสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง และ "ดุ่ย" ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม ก็ประสานเสียงไปในแนวนี้ คือ อยากให้จับกลุ่ม 8 พรรคเอาไว้ ไม่ทิ้งก้าวไกล ส่วนจะเติมพรรคไหนเข้ามาเพื่อให้ได้เสียงเกิน 375 ก็ไม่ติดอะไร 

ฟังแล้วแนวโน้มเหมือนจะสดใส แต่ปัญหาของ "สูตรที่ 4" ก็คือ 

1.การทำงานร่วมกันระหว่างก้าวไกล กับภูมิใจไทย จะเกิดขึ้นได้จริงหรือ ด้อมส้มจะยอมหรือไม่ เพราะไม่กี่วันที่ผ่านมา "ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล" สส.ก้าวไกล ก็เพิ่งแถลงถล่ม "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย "น้องชายแท้ๆ ของครูใหญ่" ทั้งเรื่องบัญชีทรัพย์สิน และคงไว้ซึ่งหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น มีการตอกย้ำการยื่นองค์กรอิสระตรวจสอบอย่างเข้มข้นต่อไปด้วย 

2.การทำงานระหว่างพรรคประชาชาติกับภูมิใจไทย จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ เพราะทั้งสองพรรคนี้ก็เป็นคู่กัดไม่แพ้ ก้าวไกลกับภูมิใจไทย โดยเฉพาะเรื่องที่ดินเขากระโดง ซึ่ง "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" เลขาธิการพรรคประชาชาติ กัดไม่ปล่อย 

3.ก้าวไกลจะถอยเรื่อง ม.112 จริงหรือไม่ เพราะล่าสุดวานนี้ "รังสิมันต์ โรม" สส.ระดับนำของพรรค ออกมายืนยันผ่านเฟซบุ๊กถึงจุดยืนการแก้ไข ม.112 

4.หากก้าวไกลไม่ถอยเรื่อง ม.112 แล้วภูมิใจไทยกับชาติไทยพัฒนา จะเข้าร่วมรัฐบาลได้อย่างไร เพราะประกาศไว้ชัดว่าไม่ร่วมงานกับพรรคแก้ ม.112 

5.จำนวน สส.มากเกินไป เกือบ 400 เสียง ทำให้มีปัญหาเรื่องการจัดโควตารัฐมนตรี อาจต้องสูงถึง 11 ต่อ 1 หรือ 12 ต่อ 1 เลยทีเดียว

ขณะที่ล่าสุดมีความว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจแก้เกม เจรจา 2 พรรค ฝ่าย 188 เสียง ที่มีข่าวเข้าไปร่วมเป็นรัฐบาล 10 พรรค ค่อนข้างชัดเจนว่า ชาติไทยพัฒนายืนยันไม่ร่วมถ้ามีก้าวไกล ขณะนี้กำลังเจรจากับภูมิใจไทย 

ระวังสะดุด... 4 สูตรไม่สะเด็ดก่อนเห็นโฉมหน้ารัฐบาล 

ทำให้เผลอๆ สูตรไม่สะเด็ด สูตรที่ 4 นี้อาจจะล่มก่อนถึงวันโหวต 

แต่ก็มี "กูรูการเมือง" วิเคราะห์ว่า อาจเป็นการปล่อยข่าว เพื่อชิงความได้เปรียบกันเองของพรรคการเมืองที่ต้องการมีที่นั่งในรัฐบาลใหม่ รวมถึงกลุ่มก๊วนต่างๆ เพื่อให้ฝุ่นตลบ เปิดโอกาสให้ได้ต่อรอง 

ดังนั้น โอกาสของสูตรที่ 1 ยังคงมีสูง คือ หลอกให้โหวตไปด้วยกันก่อน ในวันที่ 4 ส.ค. แล้วฝ่าย 188 เสียงฟรีโหวต แล้วมี สส.บางส่วนสนับสนุน เมื่อได้เก้าอี้นายกฯมาแล้ว ค่อยไปหักตอนตั้ง ครม. และพลิกกลายเป็นสูตรไม่สะเด็ด สูตรที่ 2 ตอนตั้งรัฐบาลจริงๆ

ส่วนสูตรที่ 3 มีความเป็นไปได้น้อยที่สุด เพราะสุ่มเสี่ยงทางการเมือง เสียงปริ่มน้ำ ผิดธรรมชาติการตั้งรัฐบาลสไตล์ทักษิณ

 

 


 


 

logoline