svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ศิธา" เชื่อ "พิธา" ไม่ผ่านโหวตนายกฯ วันนี้

"ศิธา" เชื่อ "พิธา" ไม่ผ่านโหวตนายกฯวันนี้ ย้ำ ไม่สนับสนุนให้คนในพรรคไทยสร้างไทยลาออก เพื่อให้ตัวเองเป็นส.ส.

13 กรกฎาคม 2566 น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ การประชุมรัฐสภาครั้งที่ 1 วาระโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย กล่าวว่า มองว่าการประชุมรัฐสภาครั้งแรก ในวาระโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งวันนี้พรรคร่วมรัฐบาลได้มีการเสนอชื่ อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็มีสิทธิ์อภิปราย โดยไม่สามารถเปลี่ยนแรงจูงใจในการโหวตหรือไม่โหวต เลือกนายพิธา ซึ่งสภามีการแบ่งช่วงเวลาในการอภิปลายไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว และหลังจากช่วงนั้นเวลา 17.00 น. ก็จะเริ่มโหวตนายกฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้ฝากอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ในวันโหวตเลือกนายกฯ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ช่วงนี้คุณหญิงไม่ค่อยสบายบวกกับภาวะความเครียดจึงเข้าโรงพยาบาล และได้ตัดสินใจลาออก ก่อนถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีนัดกับหมอไม่สามารถเลื่อนได้ จึงให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปเข้ารับตำแหน่งเพื่อมาโหวตแทน แต่ก่อนลาออกก็มีความกังวลว่า ราชกิจจานุเบกษาจะประกาศรับรอง ส.ส.ไม่ทัน เพราะคะแนนจะขาดหายไป แต่โชคดีที่ประกาศทัน

สำหรับกระบวนการของระบบประชาธิปไตยได้ผ่านไปแล้ว ซึ่งมีประชาชนกว่า 30 ล้านได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่กระบวนการในการเลือกนายกฯ ไม่สามารถที่จะทำได้เลยเพราะรัฐธรรมนูญระบุให้ ส.ว. มีสิทธิ์เลือกด้วย ส่วนตัวมองว่าเป็นการทำสัญญาคล้ายกับนิติสงคราม เพราะกฎหมายดังกล่าวถูกฝังไว้ว่า แนวทางในการเลือกตั้งเป็นไปแบบนี้ ซึ่งประชาชนไม่สามารถที่จะเลือกนายกฯได้ เพียงแต่เปิดให้เลือก ส.ส. เท่านั้น แต่ต้องอาศัยอำนาจจาก ส.ว. ในการโหวต ซึ่งส่วนตัวประเมินว่า วันนี้นายพิธาจะไม่ผ่านการโหวตเลือกด้วยคะแนนเสียง 376 อย่างแน่นอน เนื่องจากส.ว.เป็นคนคุมกุญแจที่จะเปิดทางให้ ส.ส.ในสภาเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล

หลังจากนี้หากนายพิธาไม่ผ่านการโหวตเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรค ก็ต้องกลับไปหารือว่าจะเปลี่ยนตัวหรือไม่ ส่วนตัวในฐานะพรรคไทยสร้างไทย มีจุดยืนชัดเจนว่า ให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต้องไปตกลงกันว่า จะเสนอชื่อใครอีกครั้ง ส่วนพรรคไทยสร้างไทยจะโหวตให้แน่นอน ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้วางแคนดิเดตนายกฯไว้สามคน ซึ่งจะต้องมาดูอีกทีว่า ส.ว.จะโหวตให้ผ่านหรือไม่ในการโหวตเลือกครั้งหน้า

ซึ่งอาจจะถึงขั้นพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรค จำเป็นต้องให้พรรคใดพรรคหนึ่งออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพื่อให้ ส.ว.ยอมรับ หากถ้าเป็นไปในทิศทางนี้มองว่า ในขั้วรัฐบาลพรรคเดิม จะเข้ามายุ่งเหยิง ซึ่งแนวคิดในการแก้รัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระจะยืดเยื้อออกไปอีก

ส่วนกรณีที่หากมี ส.ส.และ ส.ว. เสนอให้เลื่อนวันโหวตเลือกนายกฯออกไป ส่วนตัวมองว่า เป็นสิทธิ์ของรัฐสภา และสมาชิกก็จะต้องไปตกลงกันว่า จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่า การเปิดโหวตเลือกนายกฯ ครั้งนี้ให้เปิดโหวตครั้งแรกกันไปก่อน หากไม่สำเร็จ รัฐสภามีอำนาจกำหนดวันโหวตเลือกครั้งใหม่ อาจจะเป็นวันที่ 19 ก.ค. หรือวันอื่นก็ต้องมาโหวต

ส่วนประเด็นที่ ส.ว.และ ส.ส. หยิบยกเรื่องมาตรา 112 มาเป็นเงื่อนไขในการโหวตเลือกนายกฯ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ม.112 เป็นกฎหมาย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกนายกรัฐมนตรี หากและส่วนตัวมองว่าหากจะนำประเด็นนี้มาอภิปรายขยี้แบบนี้ในสภา ไม่ได้เป็นผลดีกับใครเลย โดยเฉพาะสถาบันหลักของประเทศ และไม่ควรอภิปรายในประเด็นนี้ อยากให้ทุกคนมองว่าเรากำลังเลือกและทำอะไรอยู่ เพราะการแก้ ม.112 เป็นเรื่องฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่อยากให้นำมาโยงในการโหวตเลือกนายกฯ

นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงถึงประเด็น ที่คุณหญิงสุดารัตน์ลาออกจากตำแหน่งส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อจะนำไปสู่การเลื่อนตำแหน่งจนให้ตนเองเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.หรือไม่ น.ต.ศิธา ระบุว่า ส่วนตัวไม่ได้สนับสนุนให้ใครลาออกจนมาถึงลำดับของตนเอง เพราะตั้งแต่แรกในการกำหนดรายชื่อลำดับของ ส.ส.บัญชีรายชื่อภายในพรรค ตนเองก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวตั้งแต่แรก เพราะตนเองเพิ่งรู้ลำดับรายชื่อส.ส.บัญชีรายชื่อ หลังจากที่พรรคส่งรายชื่อสมัครกลางดึก ซึ่งตนเองก็ทราบในวันนั้นว่าอยู่ลำดับที่ 5 ทั้งนี้ไม่สนับสนุนให้ใครลาออกเพื่อตนเอง