svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เสรี ย้ำ ไม่หนุนนายกฯ มีคุณสมบัติต้องห้าม เตือน 7 พรรคร่วมอย่าหาเรื่องใส่ตัว

10 กรกฎาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เสรี" ย้ำ ไม่หนุนนายกฯมีคุณสมบัติต้องห้าม เตือน 7 พรรคร่วมอย่าหาเรื่องใส่ตัว ระบุ เป็นนักการเมือง ต้องไม่ยุยงประชาชนลงถนน แจง ไม่สนเสียงกดดันหน้าสภา ทำหน้าที่ตามรธน.

10 กรกฎาคม 2566 นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวถึงกรณี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ส่งหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบสถานภาพของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล จะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของส.ว.หรือไม่ว่า มีผลในการตัดสินใจคุณสมบัติของนายกฯด้วยอยู่แล้ว และส.ว.จะมีการหารือทำความเข้าใจกัน การที่กกต. จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ถือเป็นแนวทาง ที่จะทำให้เกิดความชัดเจนถูกต้อง และแก้ปัญหาเกี่ยวกับความเห็นที่แตกต่างทั้งในสภาและนอกสภา ซึ่งถือว่าทำถูกแล้วและเห็นว่า กกต. ควรยื่นคดีอาญาตามมาตรา 151 ตั้งนานแล้วด้วย เพราะมองว่าการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา

นายเสรี กล่าวต่อ เรื่องนี้ไม่ใช่การสกัดกั้นนายพิธา ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เรื่องเหล่านี้เป็นบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่า ให้บุคคลที่ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องมีคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนั้นการทำหน้าที่ของส.ส. และสว. ตามรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบบุคคล ที่มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้าม นั่นคือจะต้องไม่ถือหุ้นสื่อitv ตามที่ปรากฏในสื่อ เพราะฉะนั้นการทำหน้าที่ไม่จำเป็นต้องรอศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นคุณสมบัติที่มีความผิดในตัวเอง เพียงเเต่ส่งศาลรัฐธรรมนูญให้เกิดข้อยุติเท่านั้น แต่มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นได้ขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้ว

“ตนยังเป็นห่วง 8 พรรคร่วม ที่ไปร่วมเซ็นต์ MOU กันไว้ จะกล้าตัดสินใจ เลือกคนที่คุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะจะกลายเป็นว่าเลือกคนที่ขาดคุณสมบัติ ก็จะขัดรัฐธรรมนูญ 8 พรรคการเมืองว่าไปแล้ว ก็เหมือนปลาในข้องเดียวกัน หากยังเลือกคนที่ขาดคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้าม อีก 7 พรรคจะมีปัญหากับพรรคการเมืองเหล่านั้น ก็ฝากให้พรรคการเมืองเหล่านั้นพิจารณา ข้อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในส่วนนี้” นายเสรี กล่าว

พร้อมฝากถึงแต่ละพรรคการเมืองที่จะเลือกนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ดูรัฐธรรมนูญตามมาตรา 159 หรือยังว่า ผู้ที่จะเลือกได้นั้น จะต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้าม ซึ่งนายพิธา ถือหุ้นสื่อมา 16-17 ปี ก็เข้าข่ายที่จะถูกวินิจฉัย ว่าถือหุ้นสื่อและขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้นพรรคการเมืองต้องไปดูตรงนี้ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่า กระทำการขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง ในส่วนที่ไปเลือกคนที่ไม่มีคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ไปเป็นนายกรัฐมนตรี จนกลายเป็นว่า ทำการล้มล้างระบบการปกครองหรือไม่ เเต่ก็ยังพยายามที่จะเลือกกัน โดยไม่คำนึงถึงมาตรา 159 และเมื่อขัดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 จะถูกตีความไปไกลอีกมาก และท้ายที่สุดแล้วจะทำร้ายตัวคุณเอง

ส่วนที่กลัวว่ามี 188 กว่าเสียง แล้วจะไปตั้งรัฐบาลนั้น มันไม่ได้ เกิดจากที่ไหน แต่เกิดจากพวกคุณที่ไปไกลถึงถูกยุบพรรค ตนไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

สำหรับที่พูดกันว่าส.ว.ไม่เคารพเสียงของประชาชนนั้นนายเสรี ชี้แจงว่า การที่ประชาชนลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองที่ตนเองเลือกไม่ได้แปลว่า ให้พรรคที่ตนเองเลือกสนับสนุนพรรคอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี  เท่ากับเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองนั้นๆ แต่การทำหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรี คือหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคะแนนที่ประชาชนเลือกมา ขอให้ทำความเข้าใจตรงนี้

 

นายเสรี กล่าวถึงวันที่ 13 ก.ค. ที่จะมีการนัดชุมนุมของมวลชนนั้น ตนเห็นว่าไม่ควรยุยงให้ประชาชนลงถนน สร้างความปั่นป่วนเกิดความไม่สงบเรียบร้อย การเป็นนักการเมือง ต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ต่อประชาชน อย่าไปพูดว่าถ้าไม่เลือกแล้ว ประชาชนจะออกมาชุมนุม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้ไม่เหมาะสม ที่จะขึ้นมาบริหารประเทศ หรือเป็นผู้นำประเทศ เพราะถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ ยุยงส่งเสริมให้คนทำผิดกฎหมาย สร้างความไม่สงบเรียบร้อยก็ไม่ควรทำ

 

อย่างไรก็ตามส.ว. ไม่กังวล เพราะทำตามกฎหมาย หากเราเห็นว่าสิ่งใดไม่ถูกต้อง หากเราเกรงกลัวหรือหวาดหวั่น ต่อสิ่งที่มากดดัน แล้วเราไม่รับผิดชอบ และคล้อยตามไป ทั้งที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง ถือว่าเราเป็นคนที่ใช้ไม่ได้

 

สำหรับ ในกลุ่มส.ว. ของตนเอง ยืนยันที่จะไม่สนับสนุน พรรคการเมืองที่กระทบกับสถาบัน แก้มาตรา 112 และทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  โดยไม่เว้นหมวด 1 หมวด 2 และเชื่อว่าเสียงที่จะสนับสนุนนายพิธาบวกลบไม่เกิน 5 เสียง

 

พร้อมระบุว่า ไม่กังวลพลังเงียบของกลุ่มส.ว. เพราะพลังเงียบก็คือเงียบ เงียบหมดไม่มีหรอก ที่บอกว่ามีแต่ไม่ออกมาแสดงตน  มีแต่รายชื่อที่บอกว่า จะสนับสนุนแต่กลับถอย แล้วที่บอกว่าปัจจุบันได้เพิ่มขึ้น หากมีจริง ก็ขอให้แสดงตัว ส่วนจะมีงดออกเสียงหรือไม่เห็นชอบ อยู่ที่กระบวนการแต่ละคนจะเลือก

 

นายเสรี ยังกล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้ติดต่อตนเองเป็นการส่วนตัว แต่มีการติดต่อส.ว.คนอื่น

logoline