โดยพรรคเป็นธรรมเป็นหนึ่งในพรรคการเมือง ที่มีตัวแทนพรรคเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาในเวทีดังกล่าว อีกทั้ง ยังเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี
จังหวะก่อนเรื่องจะบานปลาย "ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ" หัวหน้าพรรค ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนถึงการไม่สนับสนุนแนวคิดแบ่งแยกดินแดน และได้ปลด "ฮากิม พงตีกอ" รองเลขาธิการพรรค ที่ไปรวมกิจกรรมดังกล่าว รวมถึง "ยามารุดดิน ทรงศิริ" จนออกมาโจมตีหัวหน้าพรรคผ่านสื่อโซเชียลฯ ออกจากกรรมการบริหารพรรค
แต่ ดร.ปิติพงศ์ ก็ยืนยันไม่ทอดทิ้งเมื่อลูกพรรคถูกดำเนินคดี พร้อมส่งทนายไปช่วยประสานงานด้านคดี
ส่วน "กัณวีร์ สืบแสง" เลขาธิการ และในฐานะ ส.ส. หนึ่งเดียวของพรรคเป็นธรรม ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก่อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไปแจ้งความดำเนินคดี โดยมีเนื้อหาระบุว่า
"ผมพร้อมใช้ตำแหน่ง ส.ส.ที่มาจากชาวปาตานี ปกป้องน้องๆ นักศึกษาและชาวปาตานี หากต้องถูกดำเนินคดีหรือถูกคุกคามจากการใช้สิทธิเสรีภาพในการพูดถึงสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง และพรรคเป็นธรรมพร้อมฟ้องกลับผู้กล่าวหาแบ่งแยกดินแดน ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์พี่น้องสื่อมวลชนที่ กกต. กรณีการยื่นยุบพรรคที่อ้างว่า ละเมิดกฏหมายรัฐธรรมนูญ..."
"ผมยืนยันว่าพรรคเป็นธรรม ไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนที่ขัดมาตรา 1 กฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่เคารพสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง โดยเฉพาะการมีพื้นที่ปลอดภัยให้แสดงออกซึ่งสิทธิและเสรีภาพในการพูดถึง สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง Right to Self Determination หรือ RSD และยังต้องเปิดพื้นที่ในการเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องนี้"
"ผมยังพร้อมจะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ที่มาจากชาวปาตานี ปกป้องน้องๆ นักศึกษา นักกิจกรรมที่ถูกคุกคาม ถูกดำเนินคดีจากฝ่ายความมั่นคงจากการจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งหากฝ่ายความมั่นคงติดตามการจัดกิจกรรมทั้งหมด และแยกแยะให้ชัดว่า แบบสอบถามการกำหนดชะตากรรมตนเอง ไม่ใช่การทำประชามติแบ่งแยกดินแดน"
"ผมยังย้ำกับพี่น้องสื่อมวลชนด้วยว่า หากมีการกล่าวหาผมและพรรคเป็นธรรมว่าสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน ก็พร้อมดำเนินคดีกลับเช่นกัน เพราะเชื่อว่าความพยายามนำเรื่องนี้ไปฟ้องยุบพรรค อาจเป็นเกมหนึ่งของการล้มรัฐบาล การสร้างสันติภาพปาตานียังต้องมีพื้นที่สาธารณะ และพื้นที่ปลอดภัย เพื่อสร้างการมีส่วนรวมและทำความเข้าใจอีกมาก"
สอดรับกับวันนี้ "กัณวีร์" ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ตอกย้ำถึงประะเด็นดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
ส.ส.ตัวแทนคนปาตานี?
จากการออกมาโพสต์ของ "กัณวีร์" ที่พร้อมจะเอาแหน่ง ส.ส. ไปช่วยนักศึกษาและชาวปาตานี หากถูกดำเนินคดีจากการใช้สิทธิเสรีภาพ พูดถึงสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง โดยอ้างว่าเป็นตำแหน่ง ส.ส.ที่มาจากชาวปาตานี ซึ่งความหมาย คือ พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยข้อความที่ใช้ชวนให้เกิดความสงสัยว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา คะแนนเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อที่พรรคเป็นธรรมได้รับ และส่งให้ "กัณวีร์" ได้เป็น ส.ส.หนึ่งเดียวของพรรค มาจากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นส่วนใหญ่หรือไม่
"เนชั่นทีวี" ได้ตรวจสอบผลคะแนนจากเว็บไซต์ของ กกต.ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พบว่า พรรคเป็นธรรม ได้คะแนนรวมในระบบบัญชีรายชื่อจากทั้งประเทศ 181,699 คะแนน
ส่วนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จาก 13 เขตเลือกตั้ง ได้คะแนนรวมจากระบบบัญชีรายชื่อ 12,285 คะแนน คิดเป็น 6.76 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก หากเทียบกับคะแนนแบบบัญชีรายชื่อที่ได้จากพื้นที่อื่นของทั้งประเทศ
เมื่อพิจารณาคะแนนของพรรคเป็นธรรมรายจังหวัด ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะพบข้อมูลดังนี้
จ.ปัตตานี พรรคเป็นธรรมได้คะแนนรวมจากระบบบัญชีรายชื่อ 2,925 คะแนน
จ.ยะลา พรรคเป็นธรรมได้คะแนนรวมจากระบบบัญชีรายชื่อ 1,564 คะแนน
จ.นราธิวาส พรรคเป็นธรรมได้คะแนนรวมจากระบบบัญชีรายชื่อ 7,796 คะแนน
ส.ส.ปัดเศษ - อานิสงส์งงเบอร์?
สำหรับตัวเลขคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ทั้งประเทศของพรรคเป็นธรรม 181,699 คะแนนนั้น ยังถือว่าไม่ถึงฐานคะแนนที่ กกต.นำมาคำนวณเป็นสัดส่วนต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ซึ่งอยู่ที่ 375,226 คะแนน
ฉะนั้น ส.ส.กลุ่มนี้จึงถูกเรียกขานว่าเป็น "ส.ส.ปัดเศษ"
โดยก่อนหน้านี้ยังมีบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า พรรคการเมืองขนาดเล็กที่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเกือบทั้งหมด เป็นพรรคที่จับสลากหมายเลขพรรคได้เบอร์เลขตัวเดียว ยกเว้นพรรคภูมิใจไทย จึงมีความเป็นไปได้ว่าพรรคเหล่านี้บางพรรคได้อานิสงส์จากการที่ประชาชนผู้ลงคะแนนเสียง จำหมายเลขพรรคของผู้สมัครแบบแบ่งเขตที่ตนเลือกไม่ได้
จึงเลือกหมายเลขพรรคเป็นเบอร์เดียวกับผู้สมัครระบบแบ่งเขต ซึ่งผู้สมัครแบบเขต จะได้เบอร์เลขตัวเดียวเป็นส่วนใหญ่ ทำให้พรรคเล็กที่จับสลากได้เบอร์เลขตัวเดียว ได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำ
อย่างไรก็ดี การที่ "กัณวีร์" อ้างเป็นตัวแทนของชาวปาตานี ได้ตำแหน่ง ส.ส.มาเพราะชาวปาตานี ย่อมถือเป็นเรื่องดี ที่ให้ความสำคัญกับทุกคะแนนเสียงที่เลือกตน หรือพรรคของตน โดยไม่ได้ให้ความสนใจเฉพาะพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงของตนอย่างหนาแน่นเท่านั้น
ย้อนปมถูกคุ้ยสืบเชื้อสาย "ตระกูลสืบแสง"
อนึ่ง ในช่วงของการรณรงค์หาเสียง "กัณวีร์" ยังถูกตั้งคำถามหลายเรื่องที่ยังตอบได้ไม่เคลียร์ ในความรู้สึกของหลายคน หนึ่งในนั้น คือ เรื่องที่ไปอ้างการสืบเชื้อสายมาจาก "ตระกูลสืบแสง" ตระกูลการเมืองชื่อดังในอดีตของปัตตานี และมีประวัติศาสตร์เป็นนักต่อสู้ทางการเมือง โดยเฉพาะ "นพ.เจริญ สืบแสง"
เพราะเมื่อมีการตรวจสอบสืบสาแหรกกันจริง ๆ โดยทายาทตัวจริงแล้ว พบว่านามสกุลของ "กัณวีร์" ไม่ได้สืบเชื้อสายหรือเป็นตระกูลเดียวกับ "ตระกูลสืบแสง" ที่เป็นตระกูลการเมืองนักต่อสู้ของพื้นที่ ทำให้ทายาทตัวจริงของตระกูล ประกาศจะฟ้องร้องดำเนินคดี
ส่วน "กัณวีร์" หลังจากถูกตรวจสอบ ก็ได้ออกมาชี้แจงทำนองว่า ไม่เคยแอบอ้างว่าสืบเชื้อสายมาจาก "ตระกูลสืบแสง" ที่เป็นนักต่อสู้ทางการเมืองของปัตตานี และหลังจากนั้นก็ไม่ยอมชี้แจงใดๆ อีก ขณะที่ในโลกโซเชียลฯ และสื่อมวลชนหลายแขนงได้ย้อนไปขุดคุ้ยคำสัมภาษณ์ช่วงรณรงค์หาเสียงของ"กัณวีร์" หลายครั้งพูดให้เข้าใจได้ว่า ตนเองสืบเชื้อสายมาจาก "ตระกูลสืบแสง" โดยเฉพาะ นพ.เจริญ สืบแสง ที่เป็นเพื่อนของ "หะยีสุหลง" ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวมุสลิมปัตตานี