"ทวี สอดส่อง" ถกตัวแทนพุทธ ยอมถอย "นโยบายถอนทหาร"ชายแดนใต้

25 มิถุนายน 2566  "พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง" ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ร่วมพิธีทอดผ้าบานสกุล ศพผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายประเทือง  พรหมทอง อายุ 43 ปี และนายนิวัฒน์  สังข์ทอง อายุ 55 ปี ประชาชนบ้านป่ากุง ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทั้ง 2 ราย เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา จากเหตุการณ์คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 2 คน ริมถนนรอยต่อระหว่างบ้านตามุง ม.2 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร กับ บ้านบากง ม.6 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่ ที่วัดทรายทอง บ้านบากง  อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส

หลังจากเกิดเหตุ "พ.ต.อ.ทวี" ได้มอบหมายให้ "นายธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์" รองเลขาธิการพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่ เข้าไปให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือในมิติจต่างๆอย่างเร่งด่วนทันทีจึงทำให้ครอบครัวผู้สูญเสียต่างกล่าวขอบคุณ"พ.ต.อ.ทวี"และคณะที่ไม่ทอดทิ้งคนพุทธในพื้นที่ 

จากนั้นได้เดินพบปะพี่น้องศาสนิกชนในพื้นที่ ทีมาร่วมพิธีก่อนร่วมพูดคุยกับตัวแทนองค์กรไทยพุทธ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 2 ก่อนเปิดสภา เพื่อนำประเด็นปัญหาและรายละเอียด ข้อเรียกร้อง และ แนวทางแก้ปัญหา และพัฒนา ส่งให้ 8 พรรคร่วมรัฐบาล จากนั้น ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2566 ตัวแทน จาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล จะเดินทางลงมาในพื้นที่เพื่อกำหนดแนวทาง 

"พ.ต.อ.ทวี" ได้กล่าวตอนหนึ่งระหว่างพูดคุยว่า วันนี้มาให้กำลังใจญาติพี่น้องที่สูญเสีย โดยเฉพาะเหตุการณ์ในภาคใต้ จะต้องให้กำลังใจกับพี่น้องไทยพุทธทั้งหมดด้วย พร้อมเน้นย้ำด้วยว่า เราต้องจะทำยังไง จะปกป้องกันคุ้มครอง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก

เพราะ เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นเกือบ 20 ปี ตำรวจ ทหาร มักจะบอกว่าเหตุการณ์ดีขึ้น แต่พี่น้องเราบอกว่า มันสงัดๆในที่นี้ คือเราไม่รู้ว่าจะเกิดกับเราเมื่อไหร่ อันนี้จิตตกมากกว่าเหตุการณ์ ฃในอนาคตอยากให้มีพื้นที่ ให้พี่น้องไทยพุทธ และพี่น้องมุสลิมได้รับรู้ เลขาธิการ ศอ.บต. แม่ทัพภาคที่ 4 รู้ และถ้าเราได้เป็นรัฐบาลเราก็ต้องรู้ ว่าปลอดภัยหรือๆไม่ปลอดภัย 

นอกจากนี้ "พ.ต.อ.ทวี" ยังได้ย้ำด้วยว่า อยากให้ทุกคน มีกิจกรรมสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันนะหว่างพี่น้องไทยพุทธและพี่น้องมุสลิม เพราะเชื่อว่า วิธีการสร้างมิตรภาพที่ดีกันและกันจะสามารถสร้างความสุข สงบให้เกิดขึ้นอย่างยั้งยืนได้ รวมทั้งยังฝากให้ ผู้ร่วมพูดคุย หาแนวทาง ที่จะทำยังไง จะให้ทุกคนในพื้นที่ ไม่ว่า พุทธ หรือมุสลิม มีความรู้ว่าว่า โรงรียนของรัฐ เป็นโรงเรียนของเรา ซึ่งจะเป็นปรากฏการณ์ที่ดี หากสามารถทำได้ 

"ผมมาด้วยความจริงใจ ไม่ได้มาเพื่อการเมือง ไม่ได้มาเพื่อต้องการชื่อเสียง อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่น้องที่มีความทุกข์ได้พ้นทุกข์ได้ ทำงานเพื่องาน ไม่ได้ทำงานเพื่อชื่อเสียง ไม่ได้ทำงานเพื่อตัวเอง และ มีโอกาสทำให้พื้นที่ของเรามีความปลอดภัย มีความสงบสุข มีมิตรภาพเกิดขึ้นในพื้นที่ และเชื่อว่า ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงต้องมี ต้องเปลี่ยนทางที่ดีขึ้น" 

"พ.ต.อ.ทวี" ยังได้กล่าวถึงแนวทางพูดคุยสันติสุขในพื้นที่ อาจจะให้มีการพูดคุย แบบพลเรือนคุยกัน

"ในส่วนของการถอนกำลังทหาร ที่พี่น้องได้มีความกังวลนั้น ก็ต้องมาคุยกันเป็นพื้นที่ คือ ไม่ได้ถอน ทั้งหมด พื้นที่ไหนทีเป็นพื้นที่ไทยพุทธ ทหารต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่ละพื้นที่ จะใช้พาราเซตเดียวทั้งหมดไม่ได้ เพราะพื้นที่ตรงนี้ๆ มีลักษณะที่แตกต่างกัน เราต้องค่อยๆทำ เราจะถอนกำลังยังไง หรือ เวลาคณะใหญ่ไปคุย ทางนี้ ก็มาให้ข้อมูลว่าจะเอายังไง มาคุยกัน"  

"คือมองว่า บางทีครอบครัวสูญเสียกับผู้สูญเสียคุยกันเอง จะมีความเข้าใจกัน บางที นราธิวาสอาจจะพัฒนาเป็นเขตวัฒนธรรมพิเศษ หรือแบบไหนก็มาคุยกัน บางที คนๆหนึ่งมีหมายจับเยอะแยกเลย เราก็ดูแล้วเหมือนเขายิ่งใหญ่มากเลย พอเขาเกิดเหตุการณ์ถูกวิสามัญ เขาก็เป็นคนธรรมดา"

"พ.ต.อ.ทวี" ยังกล่าวถึง การพัฒนาและยกระดับกำลังอาสาสมัครในพื้นที่ด้วยว่า ถ้าให้มีอาสาสมัคร มีกองกำลังของชาวบ้านที่เข้มแข็ง หรือพวกเราไปพัฒนา อส.หรือ ทหารพราน จะมีชื่อว่าอะไรก็แล้วแต่ ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า อันนี้ คือ การรักษาความปลอดภัย ปกป้องคนกลุ่มนี้ แต่ความเห็นระหว่าง คนมีปืนกับคนมีปืนอาจจะต้อง ทิ้งไว้สักระยะหนึ่งแล้วค่อยคุยกัน 

อะไรที่ดีเราจะทำต่อไปอะไรที่ซับซ้อนหรือยังไม่ดี เราก็ควรมาทำให้ดีขึ้น ปรับและพัฒนา ทุกชีวิตต้องมีความปลอดภัย จะปลอดภัยยังไง หนี้ไม่พ้นว่า อาจจะต้องมีกำลังมาดุแลมากขึ้น ซึ่งบางพื้นที่มีแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องการกำลัง และอีก 95 เปอร์เซ็นต์ เขาอาจจะไม่ได้ต้องการ ก็ต้องเอาส่วนโน้นมาอยู่ในส่วนนี้ แต่ก็อยากให้เคารพข้าราชการที่มาทำงานที่นี้แต่ ถ้าข้าราชการออกนอกกรอบก็ต้องบอก คือประชาชนต้องเป็นใหญ่ 

ทางด้าน "นายกรีฑา แดงดี" รองประธานสมาพันธ์ไทยจังหวัดนราธิวาส ผู้ประสานงานสมาพันธ์ไทยพุทธนราธิวาส ได้ยื่น 7 ข้อเรียกร้องต่อพรรคประชาชาติ

1.เพิ่มมาตรการณ์ด้านความมั่นคง และความปลอดภัยกลุ่มไทยพุทธอย่างเป็นรูปธรรม

2.เพิ่มงบประมาณด้านการส่งเสริมอาชีพ สำหรับผู้ใด้รับผลกะทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ในทุกรูปแบบ

3. การตั้งกองกำลังเฉพาะกิจดูแลกลุ่มไทยพุทธ โดยมีงบประมาณ สนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม

4. การแต่งตั้งคณะกรรมการดูแลกลุ่มไทยพุทธ กลุ่มเสี่ยงพื้นที่สีแดง ในทุกมิติ

5.การดูแลกลุ่มไทยพุทธกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ที่ติดเตียง พิการ ยากไร้ชราภาพ  อย่างเป็นรูปธรรม

6.การสนับสนุนงบประมาณ กิจกรรมโครงการของกลุ่มไทยพุทธในทุกรูปแบบอย่างเป็นรูปธรรม

และ 7.การพื้น โครงการ ไทยพุทธคืนถิ่น ในทุกรูปแบบให้บังเกิดผลอย่างเป็น รูปธรรม 

"นายเจริญ สุวรรณมณี" ชาวบ้าน หมู่ 8 นาโอน ต.รือเสาะ จ.นราธิวาส กล่าวว่า ที่ชุมชนมีพี่น้องพุทธ 70-80 เปอร์เซ็นต์ส่วนมากเป็นคนแก่ หลังจากเกิดเหตุชาวบ้านต้องอยู่อย่างหวาดกลัวผวา  ชาวบ้านต้องเปลี่ยนเวลาการตัด ชาวบ้านมีความต้องการให้กำลังทหารอยู่รักษาความปลอดภัย เหมือนเดิมไม่อยากให้ถอนทหารแต่อยากให้เพิ่มทหารให้มากขึ้น