svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"พิธา" ย้ำไม่ห่วงปมหุ้นไอทีวี มั่นใจ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลได้

02 มิถุนายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"พิธา" ย้ำไม่ห่วงปมหุ้นสื่อ มั่นใจ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลได้ พร้อมให้กำลังใจ "ลูกเกด ชลธิชา" คดี 112 หวังผ่านไปได้ด้วยดี ลั่น "เต้ มงคลกิตติ์" พูดไม่จริง ปมประธานสภาฯจบแล้ว สวน "แรมโบ้" บอกคนแพ้ต้องยินดีคนชนะและส่งมอบงานรัฐบาลใหม่ ย้ำ 100 วันแรก เจรจาขึ้นค่าแรง 450 บาท

2 มิถุนายน 2566  ช่วงเช้าวันนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีถือหุ้นสื่อไอทีวีว่า ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) ยังไม่ได้มีการเชิญไปชี้แจงข้อเท็จจริง และจากการตรวจสอบกับทางพรรคเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) ก็ยังไม่มีอะไรมาจากทางกกต. ซึ่งทั้งเรื่องหลักฐาน และเรื่องหลักกฎหมาย หากตัดสินกันด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรมอย่างที่เคยมีมา ก็คิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล

เมื่อถามว่า หาก กกต.ไม่สามารถรับรองส.ส.ได้ครบทั้ง 151 คน จะส่งผลกระทบอะไรกับการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เข้าใจว่าหลักกฎหมาย 95% คือ ครบ 60 วัน ประมาณ ก.ค.และหากช้าไป โอกาสที่จะทำตามกระบวนการ หากไม่รับรองก็จะไม่สามารถติดกระดุมเม็ดแรกได้ ไม่สามารถเปิดประชุมสภาฯ เลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯได้ ก็จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งก็จะทำให้เกิดความล่าช้า และประชาชนก็คงเรียกร้อง กกต.ให้ดำเนินการให้เร็ว เพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชน

เมื่อถามถึงกรณี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ที่โพสต์ข้อความระบุว่า หากน นายพิธา ต้องพ้นจาก ส.ส. กรณีการถือหุ้นสื่อ ก็จะไม่ส่งผลต่อฐานะหัวหน้าพรรค ที่เซ็นรับรองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายพิธา กล่าวว่า ตนเองอาจจะยังไม่ได้เห็นรายละเอียดของพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ทำให้ยังให้ความเห็นไม่ได้ แต่เท่าที่ดูข้อมูลของนักวิชาการ และอดีตกกต.หลายๆท่าน ก็บอกว่ามีกฎหมายที่สามารถพูดได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครพลาดอะไร แล้วที่เหลือต้องมีการเลือกตั้งใหม่ พร้อมย้ำว่า ยังมั่นใจในนรายละเอียดของตัวเอง และมั่นใจว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ และไปในแนวโน้มที่ดี ถ้า กกต.รับรองเมื่อไร ก็คาดว่าจะประชุมสภาฯได้โดยเร็ว

เมื่อถามถึงกรณีตำแหน่งประธานสภาฯ มีกระแสข่าวว่าจบแล้ว รวมถึงกรณีที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส. พรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ข้อความระบุว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วด้วยนั้น นายพิธา ชี้แจงว่า เท่าที่ดู ทวิตเตอร์ของ นพ.ชลน่าน ก็โพสต์ว่า คำว่า “จบแล้ว” มีนิยามของมัน ไม่ได้จบแล้วที่ตัวบุคคล และในความขัดแย้งนี้ มีกระบวนการแก้ไขปัญหาว่า จะทำอย่างไร ให้เป็นประธานสภาฯ ของประชาชนได้ และตามที่ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาฯพรรคก้าวไกล กล่าวไว้คือ กลางเดือนมิถุนายน ถึงทราบผล เพราะฉะนั้นคงต้องยึดคำสัมภาษณ์ของเลขาฯชัยธวัช และทวิตเตอร์ของ นพ.ชลน่าน เป็นหลัก ดังนั้นสิ่งที่นายมงคลกิตติ์พูด เลขาชัยธวัช ก็โต้ไปแล้วว่า ไม่เป็นความจริง

เมื่อถามถึงกรณี นายเสกสกล อัตตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่า ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมเก็บของออกจากทำเนียบ ดังนั้นทางพรรคก้าวไกลก็ระวังว่า จะเป็นการฝันค้าง ยังมีอีกหลายด่านกว่าจะตั้งรัฐบาลได้ นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่เห็นว่า นายเสกสกล พูดถึงอะไร ทั้งนี้มองด้วยความเข้าใจว่า เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจแล้ว ปกติคนที่เขาแพ้เลือกตั้ง ก็จะต้องยินดีกับผู้ที่ชนะ แล้วก็ยอมแพ้ และส่งมอบงานให้กับรัฐบาลต่อไป หากเอาประชาชนเป็นที่ตั้งก็จะไม่หลุดจากหลักการตรงนี้ แต่อาจจะยังคงมีเรื่องของสภาล่างและสภาสูงในลักษณะนี้มากกว่า

เมื่อถามถึงกรณีที่สภาแรงงาน ระบุ ถึงกรณีค่าแรง 450 บาท ถ้าพรรคก้าวไกลไม่สามารถทำได้ภายใน 100 วันแรก ก็จะไปร้องกกต.ว่า สัญญาแล้วทำไม่ได้นั้น นายพิธา ยืนยันว่า 100 วันแรก ตามกฎหมายก็จะต้องให้ไตรภาคีที่เป็นลูกจ้าง 5 คน นายจ้าง 5 คน ฝ่ายของรัฐอีก 5 คน มาพูดคุยกัน หากลูกจ้างเห็นด้วยว่า 450 บาทเป็นราคาที่เหมาะสม แล้วทุกวันนี้ต้นทุนในการใช้ชีวิตสูงมาก

หากเป็นไปแบบนี้ก็คิดว่าสามารถเป็นไปได้ใน 100 วันแรกว่า จะมีการเจรจากันเกิดขึ้น และในขณะนี้ก็จะต้องใช้โอกาสในการเจรจากับนายจ้างและSME ที่กลัวว่าจะมีผลกระทบ ต้องพูดถึงว่า ไม่ได้มีค่าแรงอย่างเดียว แต่จะมีการอัพสกิล รีสกิลให้แรงงานมีคุณภาพของ และการดูแลSMEที่จะทำให้ผลกระทบจากค่าแรง ได้บรรเทาลง และเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส และเพิ่มระบบควบคุมอัตโนมัติให้กับการทำงานมากขึ้น ซึ่งรัฐจะมีแพ็กเก็จในการช่วยเหลือประคับประคอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลใจ

logoline