ผบ.ทร. เผย ของบ 200 ล้านกู้เรือหลวงสุโขทัย ยันทำตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง

1 มิถุนายน 2566 พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ ผู้ปฏิบัติราชการเพื่อชาติ “เหรียญบางระจัน” ให้แก่ญาติกำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง เมื่อ 18 ธันวาคม 2565 จำนวน 29 นาย ที่อาคารราชนาวิกสภา เขตบางกอกน้อย โดยมี คณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และญาติกำลังพลที่เสียชีวิตเข้าร่วมพิธี

พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวให้โอวาท โดยเชื่อมั่นว่าผู้ที่ได้รับเหรียญบางระจันในวันนี้(1 มิ.ย.) จะระลึกถึงผู้ประสบเหตุ ด้วยความภาคภูมิใจ ที่ทหารหาญเหล่านี้ทำหน้าที่ของตนอย่างชายชาติทหารได้อย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี นับเป็นการทำหน้าที่ของทหารเรือไทยอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน ด้วยความเสียสละอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นตำนานให้กล่าวขาน และจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือตลอดไป

ผบ.ทร. เปิดเผยความคืบหน้า การกู้เรือหลวงสุโขไทย ว่า กองทัพเรือได้เสนอของบประมาณจากงบกลาง จำนวน 200 ล้านบาท เพื่อมาปฏิบัติภารกิจในการกู้เรือ และได้เตรียมพร้อมทำสัญญากับบริษัทที่จะเข้ามาดำเนินการ ซึ่งจำนวนเงินที่เสนอไปทางกระทรวงกลาโหม 200 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ และต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่วนสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรงบให้เท่าไรนั้น จะแจ้งให้กองทัพเรือทราบต่อไป อาจจะใช้งบกลางทั้งหมด หรือใช้งบกลางบางส่วนและให้กองทัพเรือใช้งบประมาณเหลือจ่ายของกองทัพเรือ สมทบให้ครบ 200 ล้านบาท สำหรับงบประมาณที่เสนอเป็นไปตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างโดยกองทัพเรือมีความพร้อมที่จะจัดจ้าง บริษัทที่จะทำการกู้เรือทันทีที่งบประมาณอนุมัติ ซึ่งขณะนี้มีบริษัทที่มาเสนอแล้วประมาณ 4-5 บริษัท

โดยข้อกำหนดของการกู้เรือ ต้องกู้ทั้งลำ ไม่ให้ตัดหรือแยกชิ้นส่วนของเรือในขณะกู้ขึ้นมา ซึ่งเรือจมอยู่ที่ระดับความลึก 50 เมตร การทำงานใต้น้ำในระดับความลึกดังกล่าวมีข้อจำกัดในการดำน้ำลึก จึงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการปฏิบัติงาน และนำเรือขึ้นมาในระดับความลึกที่สามารถปฏิบัติงานได้ ก่อนที่จะนำเรือขึ้นมาลอยลำเพื่อซ่อมแซม และนำเรือกลับมาที่อู่ของกองทัพเรือได้ โดยจะใช้ระยะเวลาการกู้เรือประมาณ 3 เดือน แต่ก่อนจะถึงตรงนั้นกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างต้องดำเนินการตามระเบียบ คาดว่าอาจจะกู้เรือจะไม่ทันงบปี 2566 เนื่องจากเมื่อรับงบประมาณมาครบแล้ว ถึงจะเดินหน้าจัดซื้อจัดจ้างประมาณใช้ระยะเวลา 2-3 เดือน

ส่วนบริเวณที่เรือหลวงสุโขทัยอับปางนั้น ทางกองทัพเรือ ยังคงส่งเรือและอากาศยาน เข้าตรวจสอบพื้นที่ โดยพบว่าสภาพเรือจมอยู่ที่เดิมและเป็นภาพที่ตั้งลำเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่มีเพรียง หรือสัตว์น้ำเข้ามาเกาะอยู่บ้าง โดยเรือจมอยู่ห่างจากอ.บางสะพาน ประมาณ 20 ไมล์ เป็นพื้นที่ที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล. จำกัดให้เป็นเขตภัยพิบัติ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว

เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ อีกทั้งเรือหลวงสุโขทัยยังเป็นทรัพย์สินของราชการ ดังนั้นบุคคลที่เข้าไปในพื้นที่ มีความผิดตามพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำและปรับ และหากผู้ใดนำชิ้นส่วน อุปกรณ์ ยุทธภัณฑ์ของเรือ ออกจากเรือ มีโทษลักทรัพย์ ทั้งจำและปรับ