1 มิถุนายน 2566 นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความร่วมมือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค โดยเฉพาะก้าวไกลกับเพื่อไทย ซึ่งก็มีความพยายามที่จะทำให้ 2 พรรคนี้แตกแยก เพราะฉะนั้นการพูดคุยกัน ต้องบอกว่ายังร่วมมือกันใกล้ชิด จุดนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะยืนยันว่า ระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นๆแบบไหน
มันเป็นเรื่องตลกมากที่พรรคอันดับหนึ่งชนะเลือกตั้ง สังคมกลับตั้งคำถามว่าตกลงแล้ว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค จะเป็นนายกฯ หรือไม่ ได้ตั้งรัฐบาลหรือไม่ อันนี้เป็นความบิดเบี้ยวของประชาธิปไตยอย่างมาก เพราะฉะนั้นก้าวแรกเริ่มต้นที่ก้าวไกล เพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ก็ต้องการแสดงให้ประชาชนและสังคมเห็นว่า ร่วมมือกันเป็นอย่างดี ยืนยันว่าเสนอชื่อ นายพิธา เป็นนายกฯ และส่งสัญญาณไปถึงวุฒิสภา อยากให้เห็นถึงแนวทางประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น และนำความปกติให้กับประชาธิปไตยไทยอีกครั้ง
ส่วนความคืบหน้าในการพูดคุยกับ ส.ว. ที่จะให้มาร่วมโหวตนายพิธานั้น นายพิจารณ์ กล่าวว่า ได้พูดคุยไปเรื่อยๆ ซึ่งการทำงาน 4 ปีที่ผ่านมาในสภาฯ ส.ส.พรรคก้าวไกล หลายคนก็รู้จักและร่วมงานกับ ส.ว.หลายคน ที่ผ่านมาก็พยายามทำความเข้าใจและคลายข้อสงสัยต่างๆที่ ส.ว.บางคนอาจจะมีอยู่ แต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุยกับก้าวไกล ก็พยายามอธิบายเรื่องจุดยืน เนื้อหาในเอ็มโอยู นโยบายต่างๆ เพื่อคลายความกังวล และแม้ว่าบางคนอาจไม่เห็นด้วยกับนโยบายก้าวไกล ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดหรือไม่ได้ชื่นชอบแกนนำพรรคบางคน แต่อยากให้มองถึงเรื่องของหลักการว่า แนวทางประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น ในเมื่อนายพิธาได้รับความไว้วางใจมากที่สุด ก็ควรได้รับโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนจะเตรียมการรับมืออย่างไร หากมีเหตุการณ์พลิกผันไม่เป็นไปตามที่คาด นายพิจารณ์ กล่าวว่า สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการร่วมมือกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล จับมือกันให้มั่นแล้วเดินไปด้วยกัน ถ้าเราแพ็คเสียงของเราให้แน่น 312 หรือ 313 เสียง ไม่ว่าจะเกิดฉากทัศน์ไหน ต่อจากนี้เราร่วมเดินไปด้วยกันได้อยู่แล้ว