ศึกการจัดตั้งรัฐบาลกำลังเป็นไปอย่างเข้มข้น แต่เป็นการต่อสู้ฟาดฟันกันเองในฝั่งเดียวกัน ระหว่าง “พรรคก้าวไกล” ที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 กับ "พรรคเพื่อไทย" ที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับที่ 2 โดยปมร้อนก็คือ "ศึกชิงเก้าอี้ประธานสภา"
ซึ่ง “รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต” ผอ.หลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์ การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้วิเคราะห์ผ่านเพจเฟซบุ๊กของตัวเองว่า ศึกนี้ “ก้าวไกล” ถอยไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะหากชวดเก้าอี้ประธานสภา โอกาสที่ “ก้าวไกล” จะได้เป็นรัฐบาล ก็จะริบรี่
โดย “รศ.ดร.พิชาย” ได้กล่าวไว้ในข้อที่ 5 ของบทวิเคราะห์ที่ชื่อว่า "ความระแวงเพื่อไทยว่าจะ double-cross มาจากปัจจัยอะไร" ซึ่งบทวิเคราะห์ดังกล่าว มีเนื้อหาทั้งหมดดังต่อไปนี้
ความระแวง “เพื่อไทย” ว่าจะ double-cross มาจากปัจจัยอะไร
1. ก่อนเลือกตั้งมีข่าวลือการดีลระหว่างผู้มีบารมีของพรรค กับ "พรรคพลังประชารัฐ"
2. หลังเลือกตั้งมีข่าวลือการพบปะระหว่างผู้มีบารมีของพรรค กับ “พรรคภูมิใจไทย” และ “ประชาธิปัตย์”
3. ข่าวลือการยุบ “พรรคพลังประชารัฐ” เพื่อไปรวมกับ “เพื่อไทย”
4. "ว่าที่ ส.ส. พรรคเพื่อไทย” บางคนออกมาพูดในทำนองที่ต้องการตำแหน่ง “ประธานสภา” ซึ่งเป็นการกระทำที่เสมือนทำให้ข่าวลือกลายเป็นข่าวจริง
หากแย่งชิงตำแหน่งประธานสภาได้ “พรรคเพื่อไทย” จะอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบทางการเมือง เพราะสามารถกุมสภาพการประชุมได้อย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งอาจเป็นบันไดเพื่อแย่งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในจังหวะก้าวต่อไป
5. หาก “ก้าวไกล” ไม่สามารถยึดกุมตำแหน่งประธานสภาได้ โอกาสจะเป็นรัฐบาลก็ริบหรี่ และไม่อาจขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองที่เป็นปัญหาได้
6. ใน “พรรคเพื่อไทย” แม้ว่าจะมี “ว่าที่ ส.ส.” แบบเก่าและแบบบ้านใหญ่ ที่ชอบเล่นการเมืองแบบหลังม่านอยู่ไม่น้อย
แต่ก็ยังมี “ว่าที่ ส.ส. น้ำดี” ที่ยึดหลักการประชาธิปไตยอย่างจริงจัง อยู่มากพอสมควร รวมทั้งมีคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดจะสร้างการเมืองใหม่ อันได้แก่การมีจุดยืน ตรงไปตรงมา และซื่อตรงมั่นคงในหลักการ (integrity) และมุ่งพัฒนาประชาธิปไตยให้มีความเข้มแข็ง กลุ่มคนเหล่านี้ หมายรวมถึง “คุณแพทองธาร” ด้วย
7. ในยุคปัจจุบัน ประชาชนต่างรู้ทันกลเกมการเมืองแบบเก่า ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ใครคิดใช้การเมืองแบบเก่า แม้จะหลบซ่อนในหลืบมืดเพียงใด ก็ไม่สามารถปกปิดได้ดังในอดีต
ดังนั้น หาก “เพื่อไทย” double-crosses “ก้าวไกล” อาจจะทำให้ “เพื่อไทย” ชนะในเกมอำนาจระยะสั้น แต่จะส่งผลให้พ่ายแพ้ทางการเมืองในระยะยาว
และนั่นหมายถึงเส้นทางการเมืองในอนาคตของ “คุณแพทองธาร” คงจะต้องเผชิญกับขวากหนามไม่น้อยทีเดียว