"เลขาฯ พรรคก้าวไกล" เผย ทุกพรรคเห็นชอบ เซ็นMOU 22 พ.ค. วันครบรอบรัฐประหาร 57

18 พฤษภาคม 2566  ที่โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังการแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยประชาชน ถึงการเซ็น MOU ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ว่า เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ทุกพรรคเห็นด้วยที่จะมีการเซ็น MOU และแถลงข่าวในวันที่ 22 พฤษภาคม อย่างที่ทราบเพราะเป็นวันครบรอบการรัฐประหารในปี 2557

เมื่อถามว่า ต้องมีการพูดคุยอะไรเพิ่มหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า มีหลายเรื่อง เพราะแต่ละพรรคมีวาระหลักที่ต้องการผลักดัน เพราะฉะนั้นต้องมาดูว่าอันไหนตรงกัน แม้ไม่ตรงกันแต่ไปด้วยกันได้ก็ต้องคุยกัน รายละเอียดจะมากน้อยแค่ไหนก็ต้องคุยกัน แต่ละพรรคก็ส่งตัวแทนหลักที่จะมาคุยกันเพื่อให้ได้ข้อตกลงกันก่อนวันที่ 22 พฤษภาคมนี้

“เนื่องจากแต่ละพรรคมีนโยบายที่เยอะมาก เราไม่สามารถยัดทุกอย่างเข้าไปใน MOU ได้ เราพยายามหาจุดร่วมและเป็นประเด็นหลักที่เราเห็นร่วมกัน คงไม่สามารถประกาศทุกอย่างได้ว่า แต่ละพรรคจะทำอะไรบ้าง รัฐบาลจะทำ 100-200 เรื่องก็คงไม่ขนาดนั้น” นายชัยธวัช กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนจะเซ็น MOU ในวันที่22 พฤษภาคมนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อยดีหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อวานก็มีการถกกันอยู่พอสมควร ว่าควรจะมีเรื่องไหนบ้าง รายละเอียด รวมไปถึงโครงสร้าง MOU คาดว่าจะจบได้ภายในวันที่ 22 พฤษภาคม และเราก็เห็นร่วมกันว่าวันที่ 22 เป็นวันดี

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลส่งใครไปเจรจากับ ส.ว. นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็ช่วยกัน ตนเองเป็นส่วนหนึ่งที่เข้าไปคุยด้วย เราเชื่อว่าได้พูดคุยกันต่อหน้า และทำความเข้าใจกันดีที่สุด ส.ว.จำนวนมากเป็นผู้ใหญ่ มีวิจารญาณที่ดี ว่าบ้านเมืองควรจะเดินไปในทิศทางไหน หลายคนก็ได้รับข้อมูลที่ไม่ค่อยตรง การพูดคุยก็จะทำให้เข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ตนคิดว่าเป็นทิศทางที่ดี ที่ ส.ว.หลายคนออกมาแสดงจุดยืน สุดท้ายอาจจะไม่เป็นไปอย่างที่หลายคนกังวลใจขนาดนั้น

เมื่อถามว่า ส.ว.ที่มาจากกองทัพ แสดงจุดยืนไม่ออกเสียงโหวต นายชัยธวัช กล่าวว่า ส.ว. ที่อดีตเคยเป็นทหาร เท่าที่ตนสัมผัสก็ไม่ได้เป็นเอกภาพขนาดนั้น หลายท่านก็มีความคิดเป็นของตัวเอง อย่าไปเหมารวมว่าถ้าเป็นทหารต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น ในระหว่างสมัยประชุมที่แล้ว ก็เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนหลายเรื่อง ซึ่งก็มีเหตุมีผลที่เข้าใจตรงกัน

 นายชัยธวัช ได้กล่าวกรณีบนเวที มีการพูดถึงการยืนยันเรื่องของความคิดที่ต่างกัน อาจจะไม่มีดีลลับเกิดขึ้น ด้วยว่า เราได้ข้อสรุปในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ตนเองคิดว่าความไว้วางใจ การให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญ หากมัวแต่คิดอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่สามารถจับมือร่วมกันได้ ส่วนทางพรรคเพื่อไทยก็ยืนยันว่า จะจับมือกับพรรคก้าวไกล เนื่องจากมีกระแสข่าวออกมามาก ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลจะสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ 2 พรรคอย่างปฏิเสธไม่ได้