ฝัน"พิธา" ฝันของ"ก้าวไกล" อาจไม่ง่ายสู่เก้าอี้แห่งอำนาจ

สถานการณ์หลังเลือกตั้งกับความใฝ่ฝันจะได้เห็น"ว่าที่รัฐบาลสีส้ม" เป็นฝันที่จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่  แม้"พรรคก้าวไกล" พยายามต่อสายสัมพันธ์ร่วมฝ่ายค้านเดิม "เพื่อไทย" "ไทยสร้างไทย" "ประชาชาติ" "เสรีรวมไทย" และ"พรรคเป็นธรรม" เพื่อให้ได้ตัวเลขคณิตศาสตร์รวม 310 เสียง  และต้องหาให้ได้ 376 เสียงขึ้นไป จากสองสภา (ส.ส.และส.ว.) จึงจะได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

ระยะเวลา 60 วันที่ลุ้นกกต.รับรองผลการเลือกตั้งและต้องลุ้นคดีความที่หลากพรรคโดนร้องเรียนและหนึ่งในนั้นมี"พรรคสีส้ม"ด้วยเป็นเวลาที่"พรรคสีส้ม"ต้องเดินหน้าหาพันธมิตรให้ได้เร็วที่สุดและหาวิธีแก้เกมตามข้อร้องเรียนที่ปรากฏเพื่อให้ได้สิทธิไปต่อ...

มองแล้ว"พรรคสีส้ม"น่าจะเหนื่อยหลายชั้นเพราะ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"ประกาศชัดแล้วว่า ไม่ดึงพรรคที่เคยร่วมงานกับ"พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" มาร่วมงานด้วย คะแนนตรงนี้จากสภาผู้แทนฯหดหายไป(190 ส.ส.) หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือวันข้างหน้า"พรรคสีส้ม"จะไปรวบรวมพรรคหนึ่งเสียงที่มีหลายพรรคในตอนนี้มาร่วมงาน ไม่รู้ว่าจะดีลผ่านหรือไม่...เพราะพรรคเหล่านั้นอาจเรียกราคาที่"พรรคสีส้ม"ไม่กล้าสู้ แนวโน้มการไม่ไปดีลมีสูงจากแกนนำ"พรรคสีส้ม"เพราะพิธาลั่นวาจาว่า 310 เสียงพอแล้ว

แถมคีย์แมน"พรรคสีส้ม"ยังแสดงท่าทางที่ไม่กังวลใจกับคะแนนจากส.ว.250 คน เพราะเชื่อว่าสังคมจะกดดันส.ว.บางส่วนให้มาลงมติแต่จำนวนเสียงเหล่านั้นของส.ว.ต้องมี 66 คนขึ้นไป ตรงนี้ลำบากหลายชั้นมาก

ประเมินท่าทีส.ว.หลายส่วน ยืนยันชัดว่า น่าจะไม่ลงมติ/งดออกเสียงให้ว่าที่สร.1จากโควต้า"พรรคก้าวไกล" เพราะ"พรรคก้าวไกล"ยืนยันเดินหน้าแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 และปิดสวิทช์ส.ว. อีกทั้ง อย่าลืมบาดแผลในทุกเวทีที่พรรคสีส้มกรีด 250 ส.ว.ในสี่ปีที่ผ่านมาด้วย....

บวกกับ"พรรคเพื่อไทย"ประกาศว่าการฟอร์มรัฐบาลเป็นหน้าที่ของพรรคสีส้มเท่านั้น ส่วนของร้อนอย่างมาตรา112 นั้น "เพื่อไทย"แสดงจุดยืนที่มั่นคงว่าไม่สนับสนุนให้ยกเลิก แต่พูดคุยในสภาฯได้ 

เท่ากับว่า"เพื่อไทย"ใช้มารยาททางการเมืองเป็นเกราะกำบัง โยนเผือกร้อนในนาทีนี้ให้"พรรคสีส้ม"รับไปลุยเดี่ยว หากดีลไม่ผ่าน "เพื่อไทย"ค่อยรับโอกาสฟอร์มรัฐบาลใหมต่อไป จะวางกลยุทธ์ใหม่หรือไม่ต้องรอวัดใจคนวงใน"เพื่อไทย" โดยเฉพาะการดึง"พรรคสีส้ม"ร่วมรัฐนาวา...

และวันต่อไปจะเป็นเวลาของ"พรรคเพื่อไทย"ที่จะใช้สิทธิพรรคอันดับสองตั้งรัฐบาล แต่ต้องวัดใจว่าพท.จะแตะมือกับพรรคสีส้มอีกไหม และพรรคสีส้มจะกล้าพอหรือไม่ว่าเมื่อไม่สามารถผ่านหลักไมล์ 376 เสียงไปได้ พรรคสีส้มจะขอใช้สิทธิการทำหน้าที่ฝ่ายค้านแทน

ภาวะแบบนี้ของ"พรรคสีส้ม"ที่ต้องเดินหน้าในยามนี้ไปนั้น คิดแค่นี้ก็ลำบากแทนเพราะการเข้าเส้นชัยอันดับหนึ่งแต่อาจไม่ได้เหรียญทองของพรรคสีส้มในตอนนี้เกิดจากการวางกรอบที่ตัวเองมั่นใจเกินไป บวกกับกูรูหลายสำนักชี้ตรงกันแล้วว่า พรรคสีส้มเดินหมากยากเพราะวางเงื่อนไขบนกระดานด้วยตัวเองหลายชั้น และการหวังเพียงเสียงประชาชนที่จะมาเคลื่อนหนุนกดดันนั้น อย่าลืมว่าส.ส.พรรคอื่นๆและส.ว.ก็มามาจากเสียงประชาชนเช่นกัน

หากไล่เรียงไทม์ไลน์ในการฟอร์มรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 85 ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 127 ระบุให้ กกต.ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบ่งเขตเลือกตั้ง มีจํานวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของเขตเลือกตั้งทั้งหมด ภายใน 60 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง (14 พ.ค.) คือไม่เกินวันที่ 13 ก.ค.

จากนั้นต้องเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาฯ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ประกาศผลเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 121 คือภายในวันที่ 27 ก.ค.

จึงจะเป็นการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 และ 272 คาดว่าภายในเดือน ส.ค. จัดตั้งคณะรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 คาดว่าภายในเดือนสิงหาคม และนายกรัฐมนตรีนำ ครม.แถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วัน นับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 คาดว่าภายในเดือนกันยายน 2566

ตรงนี้ต้องดูว่าชั้นแรกว่าพรรคสีส้มจะเสนอใครทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรและหากพรรคร่วมจะขอโควต้านี้ไป"พรรคสีส้ม"จะแบ่งให้หรือไม่ แต่มองแล้วน่าจะไม่มีการยกชิ้นปลามันไปให้เพราะร่างกฎหมายต่างๆที่"พรรคสีส้ม"ประกาศไว้ว่าจะแก้ไขนั้น หากไม่มีจักรกลสำคัญที่จะบรรจุวาระต่างๆเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนฯและประชุมร่วมรัฐสภา

ตรงนี้คือชั้นแรกทางกระดานการเมืองที่หากพรรคสีส้มดีลไม่ผ่านก็ปิดทางฝันของ"พิธา"กับการเข้าตึกไทยคู่ฟ้าไปโดยทันที

มองโลกในแง่ดีว่า สมมติว่าพรรคสีส้มผ่านหลักไมล์ 376 เสียงมาได้ พบว่าแกนนำพรรคสีส้มประกาศขอคุมกระทรวงหลักๆทางการบริหารราชการแผ่นดินไว้ล่วงหน้าแบบมั่นใจเกินร้อยนั้น ทราบลอยลมมาว่า   พรรคอันดับสองเช่น เพื่อไทย จะไม่ขอแตะกระทรวงหลักเลยเพราะรายชื่อกระทรวงต่างๆที่พรรคสีส้มตีตราจองนั้น มองแล้ว"เพื่อไทย"ขอกระทรวงเกรดบีและเกรดซีไว้ทำงานน่าจะเหมาะสมสุด เพราะการลงไปแตะงานในกระทรวงที่หลายพรรคเมินหน้านั้น "เพื่อไทย"จะกู้ราคาพรรคอันดับหนึ่งห้าสมัยซ้อนไว้ได้และเป็นสิ่งของที่มีมูลค่าไว้ต่อสู้กับพรรคสีส้มในงวดต่อๆ ไป

•  สำนักนายกรัฐมนตรี
•  กระทรวงกลาโหม
•  กระทรวงการคลัง
•  กระทรวงการต่างประเทศ
•  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
•  กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
•  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
•  กระทรวงคมนาคม
•  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
•  กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
•  กระทรวงพลังงาน
•  กระทรวงพาณิชย์
•  กระทรวงมหาดไทย
•  กระทรวงยุติธรรม
•  กระทรวงแรงงาน
•  กระทรวงวัฒนธรรม
•  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
•  กระทรวงศึกษาธิการ
•  กระทรวงสาธารณสุข
•  กระทรวงอุตสาหกรรม

ตรองนึกดูเล่นๆว่าหาก"เพื่อไทย" ไม่แตะกระทรวงหลักแล้วปล่อยเกมให้พรรคสีส้มกุมบังเหียนในกระทรวงเหล่านั้น พรรคใดจะปั้นผลงานออกมาแล้วโดนใจชาวบ้านและการมั่นใจในการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคสีส้มกับกระทรวงหลักๆเหล่านี้เพราะการจะทำให้ได้ดั่งใจพรรคสีส้มที่หาเสียงไว้ต้องแก้กฎหมาย หากร่างกฎหมายสำคัญๆไม่ผ่าน "พรรคสีส้ม"จะดำเนินการเช่นใด..ชวนให้คิด