svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ก้าวไกล นัดเจอสนาม "ไทย- ญี่ปุ่นดินแดง" ปลุกกาเลือกพรรคสีส้ม

12 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ปิดท้ายคาราวานก้าวไกล ลุยเมืองปทุมคนแน่น ‘ธนาธร’ ย้ำก้าวไกลไม่เกรงใจใครนอกจากประชาชน "ปิยบุตร" ยกจุดเด่นก้าวไกล "ใหม่-ชัด-พร้อม" ปลุกเลือกให้ถล่มทลาย ข่มนักร้องจ้องทำลายกลับไปคิดใหม่ โวมีมวลชนอันไพศาลหนุนหลัง นัดเจอปราศรัย.ใหญ่สุดท้าย สนามกีฬา ไทย- ญี่ปุ่น ดินแดง

12 พฤษภาคม 2566 ( วานนี้ 11 พฤษภาคม 2566 ) คาราวานก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดปทุมธานี นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล, นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล และน.ส.เบญจา แสงจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานีทั้ง 7 เขต บริเวณลานข้างตลาดกินซ่า ตรงข้ามห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต จ.ปทุมธานี ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มารอฟังปราศรัย

ก้าวไกล นัดเจอสนาม \"ไทย- ญี่ปุ่นดินแดง\" ปลุกกาเลือกพรรคสีส้ม

โดยก่อนหน้านี้ คาราวานสายเลือดอีสาน นำโดยธนาธร ออกเดินสายหาเสียงแต่เช้าตรู่ ที่ จ.ปราจีนบุรี ทั้งที่ อ.ประจันตคาม และ อ.เมืองปราจีนบุรี ก่อนออกเดินทางสู่ จ.นครนายก ที่ อ.เมืองนครนายก และ อ.องครักษ์ แล้วจึงไปยัง จ.ราชบุรี พบปะประชาชนทั้งที่ อ.เมืองราชบุรี อ.โพธาราม และ อ.บ้านโป่ง ก่อนร่วมเวทีปราศรัยที่ริมทางรถไฟหลัง ม.ศิลปากร อ.เมืองนครปฐม และร่วมปิดเวทีที่ตลาดกินซ่า อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เป็นลำดับสุดท้าย

ก้าวไกล นัดเจอสนาม \"ไทย- ญี่ปุ่นดินแดง\" ปลุกกาเลือกพรรคสีส้ม

 

ก้าวไกล นัดเจอสนาม \"ไทย- ญี่ปุ่นดินแดง\" ปลุกกาเลือกพรรคสีส้ม

โดย น.ส.เบญจา ปราศรัยเป็นคนแรก กล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บ้านเมืองบอบช้ำ ผู้คนสิ้นหวัง มองไม่เห็นอนาคต จึงเกิดฉันทามติร่วมกันว่าประเทศไทยจะอยู่แบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว จากการเดินทางทั่วประเทศของคาราวานก้าวไกล เราเห็นพลังของประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้คนรุ่นต่อไป การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนนายกฯ หรือเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือ การเปลี่ยนประเทศ

ทุกวันนี้มีนักการเมืองหลายคนเดินมาขอโอกาสชาวปทุม ขอแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่เคยทำสำเร็จเมื่อหลายปีก่อน แต่ทำแล้วจะยั่งยืนได้อย่างไรหากไม่แก้ไขปัญหาการเมืองไปพร้อมกัน ยิ่งเมื่อโลกวันนี้มีความท้าทายใหม่ๆ เช่น สังคมสูงวัย การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความสำเร็จในอดีตอาจไม่สามารถรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้ ดังนั้น พรรคก้าวไกลขอเข้าไปทำในสิ่งที่พรรคอื่นไม่เคยทำสำเร็จมาก่อน เปลี่ยนประเทศไทยในรุ่นเราไปตลอดกาล 14 พฤษภาคม กำหนดโฉมหน้าของรัฐบาลที่เราอยากเห็น กาก้าวไกลให้ถล่มทลาย ให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง

ก้าวไกล นัดเจอสนาม \"ไทย- ญี่ปุ่นดินแดง\" ปลุกกาเลือกพรรคสีส้ม

ต่อมา นาย ธนาธร ขึ้นปราศรัย ระบุว่า การเดินสายคาราวานของตนในรอบนี้ จากวันที่ 6 พฤษภาคม จนถึงวันนี้ ยิ่งเดินทางใกล้กรุงเทพฯ ยิ่งมั่นใจ ยิ่งฮึกเหิม ได้เห็นความตื่นตัวของประชาชนที่มากขึ้นทุกวัน  จะไม่แปลกใจเลยถ้าผลการเลือกตั้งออกมาจะส่งให้ พิธา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ การเดินทางของพรรคก้าวไกล 4 ปีที่ผ่านมาในสภาผู้แทนราษฏรและในฐานะฝ่ายค้าน เช่น การอภิปราย "มันคือแป้ง" การคัดค้านทุนผูกขาด การเปิดโปงขบวนการไอโอกองทัพ การต่อสู้เพื่อสิทธิของแรงงาน การใช้งบประมาณของกองทัพ การทุจริตใช้นอมินีของรัฐมนตรีรับงานรัฐ การทุจริตเชิงนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่ และเรื่องอื่นๆ ที่เราได้ต่อสู้มา คงสามารถทำให้ทุกคนตั้งคำถามได้ว่า ประชาชนจะยังเอาการเมืองแบบเดิมอยู่อีกหรือไม่

นายธนาธร กล่าวต่อไปว่า ตนเชื่อว่า ทุกคนได้ผ่านความเจ็บปวดในชีวิตมามากมายแล้ว ทั้งความขาดแคลนโรงพยาบาล โรงเรียน น้ำประปา แต่ประเทศไทยกลับมีเงินไปซื้อรถถัง เรือดำน้ำ และนี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลประกาศว่าจะเข้าไปแก้ไขให้ถูกต้อง ถ้าพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ตนเชื่อว่า พิธาจะสั่งจัดสรรงบประมาณใหม่ไปลงในสิ่งที่จำเป็นแทน

ก้าวไกล นัดเจอสนาม \"ไทย- ญี่ปุ่นดินแดง\" ปลุกกาเลือกพรรคสีส้ม

เรื่องที่พวกเราทำมาทั้งหมด คือ สิ่งที่เรารณรงค์มาในการหาเสียงปี 2562 ไม่ว่า จะเป็นการต่อสู้กับทุนผูกขาด การต่อสู้กับเผด็จการ ปฏิรูประบบรัฐราชการ พรรคก้าวไกลทำได้อย่างไม่เกรงใจผู้มีอิทธิพล ไม่เกรงใจใคร นี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว เราไม่เกรงใจนายพล นายทุนผูกขาด นักการเมืองไร้อุดมการณ์ที่ทุจริตคอร์รัปชัน และผู้มีอิทธิพลที่ไหน เกรงใจเจ้านายคนเดียว คือคนที่แต่งตั้งเรา คือ ประชาชนเท่านั้น

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ฝ่ายตรงข้ามหลายคนบอกว่า พรรคก้าวไกลไร้ประสบการณ์จะทำได้หรือไม่ ตนขอถามกลับว่า แล้วไม่ใช่คนมีประสบการณ์ทั้งนั้นหรือที่พาประเทศไทยมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้น ประเทศไทยเวลานี้ไม่ได้ต้องการประสบการณ์เก่าๆ ที่พาประเทศไทยมาได้แค่นี้ แต่ต้องการพลังใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ ที่จะผลักดันสังคมไทยไปข้างหน้าได้

" 4 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าพรรคก้าวไกลโดดเด่นที่สุดในสภาฯ เป็นแค่ฝ่ายค้านยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าเราเป็นฝ่ายรัฐบาลลองคิดดูว่าจะทำได้ดีขึ้นขนาดไหน" นายธนาธร กล่าว

ก้าวไกล นัดเจอสนาม \"ไทย- ญี่ปุ่นดินแดง\" ปลุกกาเลือกพรรคสีส้ม

นายปิยบุตร ขึ้นปราศรัยปิดท้าย กล่าวว่า มี 4 เหตุผลว่า ทำไมต้องเลือกพรรคก้าวไกล เหตุผลแรก คือการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้จำเป็นต้องใช้คนใหม่ วิธีคิดแบบใหม่ เพราะถ้าใช้กลุ่มเดิมพรรคเดิมที่เคยมีอำนาจบริหารประเทศ เขาก็จะทำแบบเดิม พรรคก้าวไกล และพิธา ไม่เพียงมีความสดใหม่ แต่ยังมีความกล้าหาญ กล้าเผชิญปัญหาที่ต้นตอ

เหตุผลที่สอง มีคนโจมตีว่า พรรคก้าวไกลไร้ประสบการณ์ จะปล่อยคนพวกนี้ไปลองของบริหารประเทศได้หรือ ตนยอมรับว่า พรรคก้าวไกลไม่มีประสบการณ์ คือไม่มีประสบการณ์เรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เรื่องใช้เงินซื้อสิทธิซื้อเสียง ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศจนพังมาถึงวันนี้ ไม่มีรัฐมนตรีที่มีประสบการณ์ประเภทย้ายค่ายไปมา วันหนึ่งอยู่กับพรรคทหารจำแลง ถึงเวลาก็ย้ายข้าง ชีวิตจ้องจะเป็นรัฐมนตรีตลอดกาล ก้าวไกลไม่มีคนแบบนี้

เหตุผลที่สาม พรรคก้าวไกลมีความพร้อม เตรียมนโยบายครอบคลุมทุกปัญหากว่า 300 นโยบาย พรุ่งนี้เป็นรัฐบาลพร้อมทำงานทันที โดยมีโรดแมปว่า ภายใน 100 วัน ภายใน 1 ปี และภายใน 4 ปี จะทำอะไรบ้าง กล้าประกาศทั้งที่ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล เพื่อให้พี่น้องตัดสินใจและตรวจสอบ ถึงเวลาถ้าเป็นรัฐบาลแล้วไม่ทำตามที่พูด พี่น้องประชาชนลงโทษได้

นอกจากนี้ ยังพร้อมในเรื่องจุดยืนที่มั่นคง ตรงไป ตรงมา คิดอย่างไรพูดอย่างไร พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ตั้งแต่หัวหน้าพรรค ผู้สมัคร ส.ส. ยันผู้ช่วยหาเสียง ตอบคำถามที่ไหนก็เหมือนกันหมด ไม่ใช่วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอย่าง ไม่มีตายไมค์

ก้าวไกล นัดเจอสนาม \"ไทย- ญี่ปุ่นดินแดง\" ปลุกกาเลือกพรรคสีส้ม

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกลไปร่วมเวทีดีเบต ไม่ใช่การโต้วาทีสนุกๆ แต่คือ การเคารพประชาชน ให้รู้ล่วงหน้าว่า เลือกคุณแล้วจะเป็นแบบไหน ใครสงสัยก็ถามหรือโต้แย้งได้ จะได้รู้จักจุดยืนและตัดสินใจถูก ไม่ใช่อ้างว่า จะเอาเวลาไปหาเสียง

เพราะพิธาทั้งไปหาเสียงต่างจังหวัด ทั้งขึ้นเวทีดีเบต ทำได้ทุกเรื่อง นี่คือ ตัวอย่างง่ายๆ ของการบริหารเวลาให้เป็น ตอนเป็นนายกฯ คุณต้องตอบคำถามทุกเรื่องทุกวัน ถ้าแค่ดีเบตยังไม่ไป เมื่อเป็นนายกฯ จะตอบคำถามประชาชนไหวได้อย่างไร

นายปิยบุตร กล่าวว่า พรรคการเมืองแบบก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองของมวลชน เมื่อเข้าไปมีอำนาจจะกล้าหาญในการบริหารจัดการเรื่องยากๆ กล้าแก้ปัญหาที่ต้นตอ เพราะไม่มีกลุ่มทุนผูกขาด ไม่มีนายพลผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง มีแต่พี่น้องประชาชน เมื่อพี่น้องสนับสนุนเราเป็นหัวคะแนนธรรมชาติ ป้ายพังก็ซ่อมให้ทั้งที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน แสดงให้เห็นว่า ทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของพรรค

ดังนั้น หนี้บุญคุณสำหรับพรรคก้าวไกลมีคนเดียวคือประชาชน เมื่อถึงเวลามีอำนาจ ไม่ต้องเกรงใจใคร เกรงใจประชาชนอย่างเดียว

ส่วนเหตุผลข้อที่สี่ เป็นเรื่องสำคัญ คือนโยบายดีๆ ที่พรรคก้าวไกลมุ่งนำเสนอ เป็นนโยบายที่มีลักษณะปรับโครงสร้างทางอำนาจทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ ดึงอำนาจที่เคยผูกขาดอยู่ที่ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มาจัดสรรปันส่วนใหม่ เช่น ปฏิรูปที่ดิน สวัสดิการถ้วนหน้า รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด น้ำประปาสะอาดดื่มได้ทั้งประเทศ

ปฏิรูปกองทัพ เอานายพลคนทำรัฐประหารเข้าคุก เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งหมดนี้จะเกิดได้ ต้องใช้เสียงประชาชนมหาศาล ต้องให้เราเป็นพรรคอันดับหนึ่ง จึงจะทำได้สำเร็จทั้งหมด

"ครั้งนี้ระบบเลือกตั้งเปลี่ยน มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ถ้าพี่น้องแบ่งให้ก้าวไกลแค่บัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต่อให้เลือกถล่มทลายก็ได้แค่ร้อยคน ดังนั้นต้องช่วยกันเลือกผู้สมัครแบบแบ่งเขตของพรรคก้าวไกลทุกคนทุกเขตของปทุมธานี และไม่ต้องกังวลเรื่องคะแนนตกน้ำ ขอให้เลือกตามหัวใจของตัวเอง อย่ากังวลกับยุทธศาสตร์อะไรทั้งสิ้น ทุกคะแนนของประชาชนมีแต่เติมน้ำลงในแก้วที่ชื่อก้าวไกลให้เต็ม" นายปิยบุตร กล่าว

นาย ปิยบุตร กล่าวว่า กระแสของพรรคก้าวไกลขึ้นสูงมาก คาราวานก้าวไกลเดินทางไปที่ไหน คนเต็มทุกเวที แม้ดึกประชาชนก็อยู่รอถ่ายรูป รถไปไหนพี่น้องก็วิ่งตามส่งเสียงเฮ และอีกอย่างที่สะท้อนชัดว่าก้าวไกลมาแน่ คือบรรดานักร้องที่ขยันทำงาน ทำให้คนบางส่วนกังวลว่าเราจะไปรอดหรือไม่ แต่ตนต้องบอกว่า ขบวนการแบบนี้คือนิติสงคราม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำลาย ทำแบบนี้มาเกือบ 20 ปี

แม้ในทางกฎหมายเราต้องต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่ต้องมีอีก 2-3 เครื่องมือ คือ

1. ช่วยกันกาพรรคก้าวไกลให้มี ส.ส. มากที่สุดเกิน 100 เสียง จะเป็นการส่งสัญญาณว่ายิ่งร้องมามากเท่าไร ยิ่งเจอพวกข้า

2. ขอคะแนนเสียงทั่วประเทศ (Popular Vote) มากกว่า 10 ล้านเสียง

3. ต้องมีภาพคนแน่นทุกเวทีแบบนี้ โดยเฉพาะในการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายวันที่ 12 พฤษภาคม ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง จุได้ทั้งด้านในด้านนอกประมาณ 35,000 คน

"ผมเชื่อว่า ประชาชนจะมาร่วมมากกว่านั้น ส่วนในจังหวัดอื่นๆ จะมีถ่ายทอดสดด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่า พรรคก้าวไกลมีมวลชนอันไพศาลอยู่ข้างหลัง กระบวนการนิติสงครามที่กำลังขับเคลื่อน พวกคุณกลับไปทบทวนใหม่ หยุดได้ก็หยุดเสีย อย่าให้ต้องเบ่งกล้ามแข่งกัน มีแต่วิธีแบบนี้เท่านั้น จึงจะปกป้องทุกคะแนนเสียงที่พี่น้องมอบความหวังให้พวกเรา มีแต่แบบนี้ที่จะยืนยันว่าพิธาและก้าวไกลได้ไปต่อ ยิ่งใช้วิชามารเท่า ยิ่งกดเราเท่าไร พี่น้องประชาชนตอบกลับไปดังๆ ว่าไม่เป็นไร ไม่กลัว พวกเรายังสนับสนุนพรรคก้าวไกลต่อไป" นายปิยบุตร กล่าว

ก้าวไกล นัดเจอสนาม \"ไทย- ญี่ปุ่นดินแดง\" ปลุกกาเลือกพรรคสีส้ม

นาย ปิยบุตร กล่าวว่า นี่คือการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างกลุ่มคนที่จะอยู่กับอดีต กับอีกกลุ่มที่หวังอยากเห็นอนาคตใหม่ คนที่อยู่กับอดีต ครองอำนาจมานาน รู้แล้วว่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังพัดเข้ามา เมล็ดพันธุ์แห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังงอกงามทั่วประเทศไทย

เมื่อรู้ก็เกิดอาการหวาดกลัว ไม่รู้จะจัดการอย่างไร จึงใช้สารพัดกลเม็ดเด็ดพรายเพื่อกล่าวหาโจมตี แต่เรากำลังสู้กับเขาด้วยการเมืองแห่งความหวัง หวังว่าประเทศนี้จะดีกว่านี้ได้ ไปที่ไหนประชาชนก็ฝากบ้านเมืองไว้กับเรา บอกว่าอย่าท้อถอย ซึ่งตนพูดได้เลยว่า ได้ยินแบบนี้ ขุนพลพรรคก้าวไกลสู้ตายแน่

"เมื่อพี่น้องฝากความคาดหวังไว้กับยานพาหนะที่ชื่อพรรคก้าวไกล เราจะอาสาแบกรับความคาดหวังของประชาชนทั้งประเทศ เข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้น จะเอาไปชนะการเมืองของความหวาดกลัว ให้พวกเขาที่อยู่กับอดีตได้ตื่นรู้เสียทีว่าสังคมไทยกำลังจะเปลี่ยน 14 พฤษภาคมนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการหยุดอดีตแบบที่ผ่านมาและเดินหน้าไปสู่อนาคตแบบใหม่ คำตอบสุดท้าย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน" นายปิยบุตร กล่าว

ก้าวไกล นัดเจอสนาม \"ไทย- ญี่ปุ่นดินแดง\" ปลุกกาเลือกพรรคสีส้ม

สำหรับผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล ทั้ง 7 เขต ประกอบด้วย

เขต 1 สรวีย์ ศุภปณิตา (เบอร์ 3)

เขต 2 เจษฎา ดนตรีเสนาะ (เบอร์ 1)

เขต 3 ชลธิชา แจ้งเร็ว (เบอร์ 9)

เขต 4 สกล สุนทรวาณิชย์กิจ (เบอร์ 5)

เขต 5 พิชัย ปิยะกาโส (เบอร์ 5)

เขต 6 เชตวัน เตือประโคน (เบอร์ 4)

เขต 7 ประสิทธิ์ ปัทมผดุงศักดิ์ (เบอร์ 7)

logoline