4 พฤษภาคม 2566 ช่วงค่ำวานนี้ ( 3 พฤษภาคม 2566 ) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยช่วย นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ เขต 2 เบอร์ 3 หาเสียง ที่เวทีปราศรัยบริเวณสนามกีฬาเทศบาลตำบลท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี โดยมี พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม , นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
และพล.อ.ภพอนันต์ เหลืองภานุวัฒน์ อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการกระทรวงกลาโหม , พล.ต.ต.จาตุรงค์ ภุมรินทร์ อดีต รอง ผบช.ก. สายตรงบ้านป่ารอยต่อ , พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีต ผบช.ปส. , ดร.ธีรชัย ชุติมันต์ ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐประจำจังหวัดกาญจนบุรี , นายรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ อดีตนายก อบจ.กาญจนบุรี ร่วมให้กำลังใจ มีพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวเขต 2 และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 5,000 คน มาร่วมฟังการปราศรัย และรับฟังนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ
โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวปราศรัยว่า พี่น้องประชาชนที่มาอยู่ตรงนี้มีความสำคัญต่ออนาคตประเทศ พี่น้องจะมองการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.ที่จะถึงนี้ อาจจะมองแค่ไปกาว่าจะเลือกใคร แต่พี่น้องรู้ไหมว่า พวกเราที่มานั่งที่นี่คือ ส่วนหนึ่งของคนที่จะกำหนดอนาคตประเทศไทย
วันนี้ตั้งใจมาบอกพี่น้อง 1 เสียงมีคุณค่าอย่างยิ่งต่ออนาคตลูกหลานของเรา การเลือกตั้งครั้งนี้ หลังเลือกตั้งอาจจะยากในการจัดตั้งรัฐบาล หลังเลือกตั้งถ้าตัดสินใจไม่ดี บ้านเมืองของเรานั้นมีแนวโน้มว่า การจัดตั้งรัฐบาลจะมีความยุ่งยาก พรรคพลังประชารัฐ มองเห็นปัญหาของบ้านเมืองกำลังรออยู่ พี่น้องรู้ไหมว่า มีพรรคการเมืองหนึ่งบอกว่า ต้องแลนด์สไลด์คนเดียวเท่านั้น พรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่งบอกว่า ต้องเปลี่ยนให้หมด เอาคนเก่าออกไปให้หมด ให้เหลือแต่คนหนุ่มคนสาว ถามพี่น้องว่า ถ้าพวกเราการเมืองเริ่มต้นแบบนี้ หลังเลือกตั้งมันไม่ตีกันตายหรือครับ
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า เราไม่อยากเห็นลูกหลานเราต้องมาเดือดร้อน ไม่อยากเห็นทำมาหากินลำบาก นโยบายหาเสียงก็หากันไป แต่ถ้าตีกันเมื่อไหร่ จะทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าไม่อยากให้ตีกัน วันนี้พรรคที่จะอาสาเข้ามาเป็นกาวใจให้คนสองข้างไม่ตีกันนั้น คือ พรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศตัวมาหลายเดือนแล้ว
"เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง พี่น้องบางคนไม่รู้เรื่อง คิดว่า ไอ้นี่หาเสียงเพียงแค่โก้ๆ นึกอยากจะพูดก็พูด อยากพูดก้าวข้ามความขัดแย้งใครก็พูดได้ ผมขอบอกพี่น้องว่า นโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งคือ หัวใจของพลังประชารัฐ ชาวพลังประชารัฐที่มาพบปะพี่น้องทั้งหมดมีหัวใจดวงเดียวกันว่า เราจะพาประเทศให้ออกจากความขัดแย้ง เราจะเป็นกาวใจ จะเป็นตัวเชื่อมโยง ทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ เราอาสาทำหน้าที่นี้ ถึงตั้งใจมาเป็นตัวทางเลือกที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ยืนยันว่า มีพรรคเดียวที่จะทำหน้าที่นี้ได้คือพรรคพลังประชารัฐ ถ้าพี่น้องจำและกาเบอร์ 37 บ้านเมืองจะราบรื่นหลังการเลือกตั้ง" นายสนธิรัตน์ ระบุ
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ที่พูดอย่างนี้อาจมองว่า แล้วจะเป็นหลักประกันได้อย่างไร ใครมาหาเสียงก็บอกว่า ตัวเองดี ใครมาหาเสียงก็บอกว่า ตัวเองนั้นเด่น ขอบอกว่า ความมุ่งมั่นของชาวพลังประชารัฐจะสำเร็จไม่ได้ถ้าเราไม่มีหัวหน้าพรรค ถ้าไม่มีผู้นำพรรคชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะวันนี้ในการเมืองทุกพรรค ใครคิดว่า ว่าที่นายกรัฐมนตรีที่สามารถเชื่อมโยงกับทุกคนได้มากที่สุด ใครคือว่าที่นายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง มีบารมีสูงสุดที่จะพูดคุยกับทุกพรรคการเมือง ใครเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีที่มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินยาวนานที่สุด ใครเป็นนายกรัฐมนตรีที่ทุกฝ่ายเชื่อถือมากที่สุด คนนั้นก็คือ ลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ใช่เป็นคนพูดเอง แต่วงการนักวิเคราะห์การเมือง วงการสื่อมวลชน เขาวิเคราะห์ว่า คนที่มีบารมีสูงสุดในการที่จะเชื่อมโยงทุกพรรคการเมืองให้ประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้ พาบ้านเมืองไปได้ มีอยู่แค่คนเดียวที่มีพลังมากที่สุดคือพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
"การมาของในวันนี้ก็เพื่อขอคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 และอยากให้ไปบอกญาติพี่น้องที่อยู่ เขต 1 เขต 3 เขต 4 และเขต 5 ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่กากบาทพรรคอะไรก็ได้ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เขาให้ไปเลือกก็ไปกากบาทตามที่เขาบอก แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าพี่น้องตัดสินใจผิด เลือกพรรคผิด เลือกคนผิด บ้านเมืองก็จะกลับไปสู่การต่อสู้เหมือนอดีตเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา วันนี้ตั้งใจมาพบพี่น้องชาวเมืองกาญจนบุรีและเขต 2 เพราะอยากจะขอความไว้วางใจจากพี่น้องให้ตัดสินใจในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เข้าคูหา บัตรสีเขียว กาเบอร์ 37 ให้พรรคพลังประชารัฐนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง" นายสนธิรัตน์ กล่าว