"อภิสิทธิ์" ไล่ต้อน "ธนาธร" ซัดก้าวไกลจ้องยกเลิก ม.112 หรือจะแก้ไขเอาให้ชัด

วานนี้ (1 พ.ค.) โลกโซเชียลมีการพูดถึงการดีเบตประเด็น มาตรา 112 ซึ่งจัดทางช่อง 8 ผ่านรายการยืนหนึ่ง ระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล

โดยประเด็นสำคัญคือ นายอภิสิทธิ์ ได้สอบถามนโยบายของพรรคก้าวไกลถึงการยกเลือก มาตรา 112 หรือแก้ไข เพราะนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ได้ร่วมทำโพลกับแบมและตะวัน บนเวทีปราศรัยของพรรคก้าวไกล ซึ่งนายพิธา ติดสติ๊กเกอร์ในช่องยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งหากยกเลิกก็ทำให้ถูกมองว่าเป็นเรื่องสุดโต่ง

ด้าน นายธนาธร จึงรีบโต้ทันควันว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายแก้ไข และเคยเสนอร่างกฏหมายแก้ไขต่อสภาฯไปแล้ว ส่วนกรณีนายพิธา อ้างว่าเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว อีกทั้งนายพิธา ไม่ได้พูดบนเวทีสาธารณะที่ไหนเลยว่าจะยกเลิก 

นายอภิสิทธิ์ แย้งต่อว่า แต่นายพิธา เป็นหัวหน้าพรรค นายธนาธร ก็โต้ว่า นายอภิสิทธิ์ ก็เป็นหัวหน้าพรรคในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ซึ่งได้พูดไว้ว่าอะไร นายอภิสิทธิ์ จึงสวนกลับไปว่าตนลาออกแล้ว แล้วนายพิธา จะลาออกหรือไม่หากมาตรา 112 ไม่ได้ยกเลิก เพราะติดสติ๊กเกอร์ยกเลิกบนเวทีปราศรัย

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังได้ชี้แจงกรณีสมัยที่ตนเองเป็นรัฐบาล และได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเกี่ยวกับปัญหาการบังคับใช้มาตรา 112 ว่า รัฐบาลของตนเป็นรัฐบาลเดียวที่พยายามแก้ไขปัญหานี้ ด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรองคดีต่าง ๆ เพื่อสร้างความชัดเจน และปัญหาของการบังคับใช้ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การแก้ไข แต่การแก้ไขกับยกเลิกนั้นไม่เหมือนกัน 

โดยตนขอพูดในฐานะคนนอก พูดตามความเป็นจริงที่เห็นถึงจุดดีกับจุดอ่อนของนโยบายพรรคก้าวไกล ซึ่งสังคมมมองออกว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พอไปถึงคำว่ายกเลิกมาตรา 112 ทำให้คนมองว่าเป็นอะไรที่สุดโต่งจริง ๆ เพราะกฎหมายคุ้มครองประมุขรัฐ ในหมวดความมั่นคงก็มี แต่จะมายกเลิกการคุ้มครองประมุขรัฐ ที่เป็นพระมหากษัตริย์ของไทยนั้น เป็นเรื่องแปลก สังคมจับตามองมาตลอดกับวาทะกรรม "ล้มเจ้า" ของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล 
 

นายธนาธร กล่าวอีกว่า การที่มีข้อมูลว่าพรรคก้าวไกล จะยกเลิกมาตรา 112 เป็นเรื่องสุดโต่ง เพราะประชาชนถูกทำให้เข้าใจ โดยฝ่ายที่ต้องการสร้างความเกลียดชังในสังคม มีคนผลิตซ้ำเรื่องนี้ทุกวัน ทำให้ นายอภิสิทธิ์ ได้แย้งนายธนาธร ทันทีว่าจะผลิตซ้ำยังไง ถ้าวันนั้นนายพิธา ติดสติ๊กเกอร์ตรงคำว่าแก้ไข และอธิบายแบบที่นายธนาธรพูด มันก็จบ แต่กลับไปติดตรงคำว่ายกเลิก ส่วนนโยบายบอกว่าแก้ไข จึงทำให้ประชาชนสับสน

นายธนาธร กล่าวอีกว่า ถ้าคิดว่าวาระที่ก้าวหน้าแบบนี้เป็นเรื่องสุดโต่งหรือไม่ ให้ดูคะแนนเสียงปาร์ตี้ลิสต์พรรคก้าวไกล หากพรรคได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มมากขึ้น แปลว่าประชาชนเปิดใจรับฟัง และมีวุฒิภาวะพอ จะมีแต่นักการเมืองที่กลัวตัวเองสูญเสียประโยชน์เท่านั้น ที่หวาดระแวงเรื่องนี้อยู่

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เห็นว่า หากนายธนาธร เห็นว่าคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคก้าวไกลจะเป็นตัววัด ตนคิดว่าลำบาก เพราะตนก็รู้จักคนจำนวนไม่น้อย ที่สนับสนุนวาระอื่น ๆ ของพรรคก้าวไกล พร้อมที่จะให้โอกาส แต่ไม่ได้สนับสนุนเรื่องนี้ โดยจะไปเหมารวมว่าเสียงทั้งหมดจะสนับสนุนเรื่องนี้ คงจะไม่ได้ ยกเว้นว่านายธนาธร จะยืนยันตรงนี้ว่า ใครไม่สนับสนุนเรื่องมาตรา 112 อย่าเลือกพรรคก้าวไกล ซึ่งนายธนาธรอ้างว่า นโยบายทั้งหมดของพรรคก้าวไกล มันคือการมัดรวมกันเป็นข้อคิดเดียว