svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เนชั่น เปิดใจ “บิ๊กตู่” จริงหรือไม่ 2 ป. ใครได้ ส.ส. มากกว่า คนนั้นเป็นนายกฯ ?

02 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“เนชั่นทีวี” เปิดใจ “พลเอก ประยุทธ์” ในการสู้ศึกเลือกตั้ง 66 “บิ๊กตู่” คาด “รวมไทยสร้างชาติ” ได้ ส.ส. 40 – 50 คน พร้อมเผยที่มาของข้อตกลงระหว่าง “บิ๊กป้อม” ใครได้ ส.ส. มากกว่า คนนั้นเป็นนายกฯ

“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับเนชั่นทีวี โดยบอกว่าจากการลงพื้นที่ไปทั่วทุกภาค กระแสตอบรับดีขึ้นพอสมควร ต้องขอบคุณคนในพื้นที่ และสื่อโซเชียลต่างๆ ที่ให้ความสนใจ เพราะเราเป็นพรรคใหม่ที่ผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่า รุ่นกลาง รุ่นใหม่

ยอมรับว่าการเป็นพรรคใหม่ก็ค่อนข้างยาก ซึ่งหลายพรรคมีความมั่นคงมายาวนาน แต่ก็จะพยายามต่อไป ส่วนการลงพื้นที่ถ้าเทียบกับปี 2562 ต่างกันอย่างไร ตนตอบไม่ได้ เพราะตอนนั้น “พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินการ แต่ตอนท้ายตนก็ลงไปเยี่ยมพื้นที่ต่างๆ เมื่อประชาชนเห็นหน้าก็พึงพอใจ ประกอบกับกระแสพรรคในตอนนั้นก็ดี ลุงป้อมทำไว้ดี

สำหรับปัจจุบันมองว่ามีคน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อยากร่วมมือ กลุ่มที่อยากทำอย่างที่เราออกแบบไว้ แต่อีกกลุ่มหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงให้เร็วและเร็วที่สุด ซึ่งตรงนี้ก็น่าเป็นห่วง เพราะบางอย่างทำได้ ทำไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญก็อยู่ที่ประชาชนต้องคิดให้ดี การทำอะไรต่างๆ เร็วเกินไปก็มีผลเสีย ก็คงต้องฝากคนทั้ง 2 กลุ่ม

ซึ่งคนที่มีอายุ ก็จะเข้าใจหลักเกณฑ์หลักการหลายอย่าง เพราะมีประสบการณ์ เข้าใจการทำงานแบบนี้ว่าต้องใช้เวลาและระมัดระวัง รอบคอบเพื่อความมั่นคงและยั่งยืน

ส่วนเด็กๆ วันนี้หลายคนก็จำไม่ได้ว่าประเทศชาติเคยเป็นยังไงมาก่อน พอโตมา ก็เห็นเทคโนโลยีแล้ว เจอความทันสมัยแล้ว อย่างรถไฟฟ้า เขาจึงคิดว่าต้องทำให้เร็วกว่านี้ แต่ลืมนึกไปถึงเรื่องระเบียบ กติกา เหมือนวัยรุ่นใจร้อน

เนชั่น เปิดใจ “บิ๊กตู่” จริงหรือไม่ 2 ป. ใครได้ ส.ส. มากกว่า คนนั้นเป็นนายกฯ ?

แต่ตนก็ยินดีรับฟังทุกช่องทางการสื่อสาร แต่ก็อยากให้ใคร่ครวญคิดให้ช้าลงสักนิด แล้วอยากให้ย้อนกลับไปดูว่าสิ่งที่ได้มาวันนี้ ต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะได้มา บางเรื่องก็ใช้เวลาหลายปีมากกว่าจะได้มา ตนรู้ว่าทุกคนหวังดีกับประเทศ ตอนเป็นนายกฯ ก็ต้องไม่ไปทะเลาะกับใคร

ส่วนความขัดแย้งจะเกิดอีกหรือไม่ ตนทำนายไม่ได้ ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่จริงๆ ก็เป็นแบบนี้มาซัก 20 ปีแล้ว มาเป็นระยะ ปัจจุบันก็มีการปลุกเร้าในโซเชียลขึ้นมา พร้อมยอมรับว่า ความคิดคนควบคุมไม่ได้ แต่เราต้องแสดงความจริงใจให้เห็น สามารถชี้แจงตอบคำถามได้ แต่อย่าขัดแย้งกัน

ชี้ ขั้วไหนจะได้เป็น “รัฐบาล” ขึ้นอยู่กับคะแนนจากการเลือกตั้ง

เมื่อถามถึงการแบ่งขั้วทางการเมืองเป็น 2 ขั้ว คือ “ขั้ว 2 ลุง” ลุงตู่-ลุงป้อม กับอีกขั้วคือ เพื่อไทย – ก้าวไกล ? “พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า ตอนนี้ก็พูดกันไปพูดกันมา ท้ายสุดให้ดูการเลือกตั้งแล้วกันว่า จะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นอย่างที่พูดหรือไม่ ตนไม่รู้ แต่ใครพูดอะไรก็ถูกบันทึกไว้หมดแล้ว

ดังนั้นตนไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้ พร้อมยืนยันว่าไม่มีเงื่อนไขในการรวมพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาล เพราะตนคาดว่าการเลือกตั้งคะแนนจะแตกต่างมากพอสมควร ก็ต้องไปดูว่าอะไรที่ตรงกัน หรือทำร่วมกันได้ เราก็ร่วมมือกัน

“พลเอกประยุทธ์” ยังบอกด้วยว่า ฝั่งเขา (ก้าวไกล) ประกาศแล้วว่าไม่มากับตน ก็ไม่ต้องมา ตอนนี้ก็รอดูช่วงโค้งสุดท้ายก่อน เพราะกระแสคนตรงกลาง พลังเงียบเฉียบขาด ก็มีอยู่ และเขายังไม่ตัดสินใจ ก็ขอฝากให้ครั้งนี้ช่วยกันออกมาเลือกตั้งกว่า 90 %

ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหนตนก็รับได้ เพราะถ้าตนไม่อยู่ พรรคก็ยังอยู่ ส.ส.ก็ต้องมี รัฐมนตรีก็ยังอยู่ แต่ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ หรือ ส.ส. ตนก็ยังมีโอกาสช่วยเขาอยู่ได้ วันนี้สำคัญที่สุดคือให้ประเทศชาติไปข้างหน้าได้ก่อน อย่ามัวมาติดกันหยุดอยู่ตรงนี้เลย

เนชั่น เปิดใจ “บิ๊กตู่” จริงหรือไม่ 2 ป. ใครได้ ส.ส. มากกว่า คนนั้นเป็นนายกฯ ?

เข้าใจสัจธรรมทางการเมือง มีคนรัก ก็มีคนเกลียด

เมื่อถามว่า บัตรลุงตู่ทำแล้ว โครงสร้างพื้นฐานอะไรก็ทำ แล้วทำไมความเชื่อมั่นถึงลดลง ? “พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า ทุกอย่างมีคนชอบ-ไม่ชอบ เป็นการดำเนินการทางการเมืองที่มีคนกลุ่มใหม่ขึ้นมา ก็อยากถามกลับเหมือนกันว่า ทำดีเกินไปหรือเปล่า แล้วคุณทำอะไรบ้างหรือยัง ตนน่ะทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ แต่พวกคุณเคยทำอะไรบ้างหรือยัง วิธีการทำอย่างไร ยังไม่รู้วิธีการเลย

วันนี้คนอ่านหนังสือน้อยลง คนไทยไถแต่โทรศัพท์ แต่ก็ว่าเขาไม่ได้ ก็ต้องสอนว่าทุกอย่างไม่ได้มาง่ายๆ แบบนี้ ถ้าเขารู้ว่ารถไฟสายต่างๆ กว่าจะได้มาเป็นอย่างไร ต้องมีการวางแผน ศึกษาความเป็นไปได้ หาทุน ร่วมทุน กฎหมายร่วมทุน หาสถานที่เวนคืนที่ กว่าจะได้มาใช้เวลา 8 ปี

เมื่อถามว่า เคยประเมินหรือไม่ว่าความนิยมที่เคยมีคะแนนสูง ค่อยๆ ลดลง เป็นเพราะคนเบื่อที่อยู่นาน 8-9 ปี หรือไม่ ? “พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า ก็มีอยู่ 2 ประเด็น ซึ่งเป็นไปได้ว่า อาจเป็นเพราะอยู่นาน

แต่อีกประเด็นก็คือคนอีกกลุ่มที่เคยต่อต้าน ไม่เห็นด้วย เมื่อก่อนก็ไม่มีขนาดนี้ ปัจจุบันเป็นการจัดตั้งหรือไม่  ตนก็ไม่แน่ใจ ขออย่าทำเลย หันกลับมาร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองดีกว่า ทำให้บ้านเมืองมีความสุข มีรอยยิ้ม เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป วันข้างหน้าคิดหรือว่าจะบริหารได้ ในเมื่อมีทั้งคนเบื่อและไม่เบื่อ ทำไปทำมาเดี๋ยวจะกลายเป็นเบื่อทุกคน ถ้าคนไทยเบื่อหน้ากันทั้งประเทศแล้วจะทำยังไง

คำว่าอยู่นานของตน บางทีก็อย่างที่เขาบอก ก็อาจมีบุคลิกที่เป็นทหารมาก่อน หลายคนอาจจะไม่ชอบทหาร ก็เรื่องของเขา แต่ก็คือตัวตนของตน ซึ่งหลายคนมองว่า เป็นนายกฯ ไม่ควรเป็นอย่างนี้ แต่เวลาทำงานตนก็ซีเรียส

แต่จริงๆ แล้วตนเป็นคนอารมณ์ขัน แต่ก่อนก็ชอบหัวเราะกับเพื่อน เป็น ผบ.ทบ. ก็ยังตลก เพื่อให้ลูกน้องฟังเวลาประชุมกัน ไม่งั้นก็หลับหมด เวลาว่างที่ตนอยู่กับเพื่อน เจอเพื่อนสนิท เจอประชาชนเวลาไปหาเสียง ที่ตนตลกกับเขา เพื่อให้เห็นอีกบทบาทหนึ่ง ตนเป็นลุงก็ได้ เป็นพี่ก็ได้ ตนคิดเดี๋ยวนั้น ในเมื่อเบื่อลุง ก็รักพี่แทน

เนชั่น เปิดใจ “บิ๊กตู่” จริงหรือไม่ 2 ป. ใครได้ ส.ส. มากกว่า คนนั้นเป็นนายกฯ ?

ยัน ให้ความสำคัญกับทุกภาค ทุกจังหวัด ไม่ว่าจะชอบ "บิ๊กตู่" หรือไม่ชอบก็ตาม 

และเมื่อถามเรื่องผลโพล ทำไมความนิยมภาคใต้สูงมาก มองอย่างไร และเพราะอะไร ? “พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า ตนอยู่มาหลายปีสังเกตว่าประชาชนแต่ละภาคเป็นอย่างไร ภาคใต้ก็ต้องชื่นชมเพราะเขาชอบการเมือง ติดตามข่าวสารคุยกันทั้งวัน

พอเราไปคุยเขาก็รู้เรื่อง เพราะมีฐานข้อมูล แต่ภาคอื่นอาจจะน้อย อาจไม่ค่อยได้คุยกัน อาจจะเสพสื่อจากโซเชียลทั้งหมด ก็อาจจะเป็นปัญหาว่าความคิดไปกันไม่ได้ แต่ตนไม่ได้เน้นไปที่ภาคใต้ เพราะที่อื่นก็ไปมาแล้ว ตนทำให้แต่ละภาคเยอะ ถึงแม้จะชอบ-ไม่ชอบตน ตนก็ทำให้ทุกจังหวัด

เมื่อถามว่า พรรคที่จะชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล นอกจากจะได้เสียงจากภาคอีสาน เหนือ ใต้ แล้ว หัวใจสำคัญคือต้องชนะใน กทม. โค้งสุดท้าย 2 สัปดาห์จะลุยอย่างไรให้ชนะ ?

“พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า ตนก็ต้องลงพื้นที่เอง ตอนนี้ก็ให้ผู้รับผิดชอบช่วยขับเคลื่อน เพราะผู้สมัครทุกคนก็หน้าใหม่ ต้องหาคนมีประสบการณ์ลงไปเดินในพื้นที่ ช่วงนี้ก็เอาชื่อตนไปหาเสียงก่อนแล้วกัน แล้วจะเพิ่มเติมให้อีกที

วันนี้ก็มีหลายช่องทางหาเสียง แต่ปัญหาคือแต่ละพื้นที่มีเจ้าของอยู่แล้ว มีคนจองหมดแล้ว แต่บางทีจองแล้วก็อาจมีคนที่เรารักเราออกมาเหมือนกัน ซึ่งก็คิดไว้ แต่ไม่ประเมินหลอกตัวเอง การเป็นนายกฯ หรือเป็นรัฐบาลมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องทำให้ประชาชน ไม่ใช่เอามาต่อรอง

ใครไม่ขอก็ต้องทำให้ บางโครงการ ส.ส. ไม่ได้ขอมา แต่ตนเห็นเองก็ทำให้ จะดูที่วัตถุประสงค์และความคุ้มค่า ตรงตามความต้องการของประชาชนหรือไม่ ตนบริหารแบบพุ่งเป้า ว่าพื้นที่ไหนขาดอะไร แต่ถ้าให้ที่เดียวที่อื่นก็ไม่ได้

“พลเอกประยุทธ์” ยังบอกด้วยว่า ตนเร่งทำเรื่องเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือประชาชน แต่ที่สำคัญประชาชนก็ต้องช่วยตัวเองด้วย อยากให้แต่ละกลุ่มรวมตัวกัน รัฐบาลจะได้ช่วยตรง เพราะถ้าหว่านไปหมดก็หายหมด นอกจากนี้ตนยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยอัตราว่างานต่ำที่สุด ไม่ถึง 1% แต่ก็ยังขาดแรงงานอีกเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของทักษะฝีมือ ซึ่งตนก็สั่งให้กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการแล้ว

เมื่อถามว่า มองอย่างไรหลายพรรคการเมืองใช้นโยบายประชานิยมมาหาเสียง ? “พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกคนอาจจะหวังดีอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงประเทศเร็วขึ้น แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างมีระยะเวลาและขั้นตอนดำเนินการอยู่ กฎหมาย กฎระเบียบก็มี

หลายคนออกมาพูดว่าการประชุมครั้งแรกจะลดอย่างนี้อย่างนั้น จะเปลี่ยนอย่างนี้อย่างนั้นทันที สิ่งที่สั่งยุบทุกวันสั่งได้ แต่ที่สั่งวันนี้อีก 10 ปีก็ทำไม่ได้ เพราะที่พูดกันก็ไม่ได้พูดถึงหลักการ เพราะไม่มีประสบการณ์พอสมควร ซึ่งการบริหารภาครัฐไม่ใช่แบบนั้น มีรายละเอียดที่เยอะกว่านั้น

อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ วงเวียนใหญ่  อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก

จริงหรือไม่ ที่มีข้อตกลงกับ “บีกป้อม” ใครได้ ส.ส. มากกว่า คนนั้นเป็นนายกฯ

เมื่อถามว่า เจอกับ “พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ล่าสุดเมื่อใด ? “พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อสงกรานต์ตนก็ไปกราบ “พลเอกประวิตร” แต่ไม่คุยการเมือง เพราะต่างคนต่างรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลา หลังเลือกตั้งเดี๋ยวก็มีคนคุยมากกว่า 2 คนอยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำว่า เคยได้สัมภาษณ์ “พลเอกประวิตร” บอกว่าหากใครได้เสียงมากกว่าให้คนนั้นจัดตั้งรัฐบาล เรื่องนี้จริงหรือไม่ ? พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า “พลเอกประวิตร” ไม่ได้คุยกับตนโดยตรง แต่พูดในที่ที่มีหลายคนนั่งอยู่ ก็คือพูดให้ได้ยิน ก็เอาตามสบายใจ อะไรมันเกิดขึ้นก็ได้ ไม่รู้

ถามย้ำว่า แล้วจุดยืนของ “พลเอกประยุทธ์” ใครได้คะแนนเสียงมาก คนนั้นก็จัดตั้งรัฐบาล “พลเอกประยุทธ์ “กล่าวว่า “เอ้อ ผมเห็นข่าวช่องไหนไม่รู้ มันมีอีกหลายสูตรนะ มีพรรคร่วมอีกด้วย แล้วถ้าเขารวมกันได้มากกว่าก็พร้อมเสนอใครก็ได้ แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า ไม่แน่ใจ”

เมื่อถามต่อว่า หลักคิดของพลเอก ประยุทธ์ คือถ้าใครได้เสียงข้างมาก คนนั้นควรเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ?

“พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า “อันนี้ผมพูดเฉพาะพี่ป้อม 2 คน เพราะพี่ป้อมท่านว่าท่านก็พร้อมเป็นนายกฯ แล้วในพรรคก่อนหน้านี้ที่ผมออกมา ส.ส.ก็มีนายกฯ ในใจ 2 คน ถ้าถึงเวลาของพี่ก็เชิญตามสบาย แต่ผมก็ออกมาเอง”

ถามย้ำว่า พูดกับ “พลเอก ประวิตร” อย่างนี้เลยหรือ “พลเอก ประยุทธ์” กล่าวว่า “เปล่าสิ (หัวเราะ) แหมพูดกับพี่ก็พูดคนละอย่างสิ ผมพูดเรียบร้อย ว่าถ้าพี่พร้อมจะเป็นจะได้สบายใจ เพราะคนในพรรคสนับสนุน 2 คน ผมด้วยพี่ป้อมด้วย อะไรทำนองนี้ เพื่อความสบายใจผมออกเลยแล้วกัน ก็แค่นั้น ก็จบ”

“พลเอกประยุทธ์” กล่าวต่อว่า "พลเอก ประวิตร" ก็พูดอีกทีว่า ใครคะแนนมาก คนนั้นเป็นนายกฯ ซึ่งตรงนั้นก็นั่งหลายคน แต่ไม่เห็นใครตอบอะไร (หัวเราะ) ตนก็ไม่ว่าอะไร ก็เราพูดกันไปแล้ว 2 คน ถ้าเกิน 2 คนขึ้นไปให้คนอื่นพูดบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะอะไรกับใคร

เมื่อถามว่า ช่วงนี้ นายกฯ ติดตามความเคลื่อนไหวในโซเชียลมากน้อยเพียงใด ? "พลเอกประยุทธ์" กล่าวว่า ก็มีบางที เห็นบางคนวันๆ ไม่ทำอะไรนั่งไถโทรศัพท์ พอมาดูโอ้โหคนด่าตนเพียบเลย (หัวเราะ) ก็เลื่อนผ่านไป แต่บางทีก็ไปเจอคนที่มีความเดือดร้อน ไม่ทีที่อยู่อาศัย พ่อแม่ตาบอด ตนก็สั่งให้หน่วยงานไปดู มันไม่ใช่เรื่องยากเย็น บางคนแม่ตาบอด พ่อพิการ ตนใจอ่อน รับกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ตนต้องช่วย

เมื่อถามว่า ทำไมสิ่งที่นายกฯ ทำ กับถูกเรียกร้องมากขึ้น ? “พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า ความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ โลกเจริญแล้ว ความคิดก็ไม่มีกรอบ แต่เราต้องสอนให้คนมีกระบวนการคิดที่ถูกต้อง

อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ วงเวียนใหญ่  อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก

บิ๊กตู่ คาด “รวมไทยสร้างชาติ” ได้ ส.ส. 40 – 50 ที่นั่ง

เมื่อถามว่า ประเมินแล้ว รทสช. ได้เสียงเท่าไร ? “พลเอก ประยุทธ์” กล่าวว่า แต่ละภาคไม่เหมือนกัน บางภาคก็รักชอบ บางภาคก็ไม่ชอบ แต่ตนคาดหวังกับคนที่ยังไม่แสดงความเห็น คนที่เงียบๆ อยู่ตรงกลาง แต่คิดว่าเขาตัดสินใจแล้วเพียงแต่ยังไม่พูด ก็คิดว่าน่าจะดีขึ้น เพราะตอนแรกที่มาก็โดนดูถูกว่า ไม่น่าจะได้ถึง 20 เสียง แต่ตนว่าน่าจะได้แล้ว แบบค่อยไต่ขึ้นไป แต่ก็ถูกต่อว่ามากขึ้น ก็ต้องยอมรับสภาพว่า นี่คือนักการเมือง ถ้าดูจากโพลก็คิดว่า 40-50 คงได้ แต่ถ้าได้ซัก 100 ก็คงดี

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลคิดว่า นายกฯ เป็นศัตรู เพราะไปแย่งพื้นที่ แย่ง ส.ส. เขา ? “พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า คิดแบบนี้ได้ยังไง เลือกตั้งก็คือเลือกตั้ง ให้ประชาชนเป็นคนเลือก

เมื่อถามว่า “รวมไทยสร้างชาติ” เป็นพรรคตั้งใหม่ อาจมีคนเก่ามาผสม คิดไหมว่าเป็นพรรคที่ใช้ต้นทุนลุงตู่มากที่สุด ? “พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า ก็ต้องให้กำลังใจ เพราะจำเป็น ตนบอกเลยว่าใช้ได้ทั้งผลงาน โครงการต่างๆ ไปประชาสัมพันธ์ เพราะเราเป็นหน้าใหม่ บางทีเข้าไปในพื้นที่เสือดุ ก็ต้องอ้างไว้โครงการเป็นตัวเลือกไว้ก่อน

แต่ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร อย่าเอาตนไปทะเลาะกับใคร และคนอื่นก็อย่ามาทะเลาะกับตน ทุกคนก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันหมด ก็ให้เกียรติกัน แต่วันนี้ก็พวกเขาก็ยังโอเคกับตนในเรื่องส่วนตัว แต่ช่วงเลือกตั้งก็อาจจะต้องเป็นแบบนี้ ที่ผ่านมาทำงานก็ให้เกียรติกัน

เมื่อถามว่า คิดหรือไม่ว่าการมาอยู่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” อาจจะได้ไม่ถึง 30 เสียง ? “พลเอกประยุทธ์” กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดแบบนั้น คิดแค่จะมีพรรคการเมืองที่ดีมีคุณภาพ ใครเชื่อมั่นศรัทธาก็มาอยู่กับตน ตนเชื่อมั่นศรัทธาใคร ตนก็ไปอยู่กับด้วยกัน จะได้แค่ไหนก็เป็นเรื่องของพรรคการเมือง

เริ่มต้นอาจจะไม่ถึงจุดสูงสุดก็ได้ ตนจะมีอะไรไปสู้กับเขาได้ นอกจากสิ่งที่ทำไปแล้ว เราใช้ผลงานเข้าสู้ ถ้าแพ้เลือกตั้ง กัประเทศชาติแพ้ มันคนละเรื่อง ประเทศชาติจะถอยกลับไปอยู่ที่เดิมหรือไม่ ตนไม่อยากให้ประเทศเป็นแบบนี้ ที่อยู่วันนี้ก็เพราะแบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าตนเก่งที่สุด ใครทำได้ก็เข้ามาทำ พร้อมถามกลับว่า “ทำไมล่ะ มันแพ้แล้วหน้าตามันหายหล่อหรือ (หัวเราะ)”

เมื่อถามต่อว่า ถ้าเปรียบไปแล้วเหมือนเป็นแชมป์เก่ามา 2 สมัย ถ้ากลับมาไม่ได้ จะทำเช่นไร ? “พลเอก ประยุทธ์” ย้อนถามว่า ก็ดูบอลโลกไหมล่ะ บางทีทีมเปลี่ยนคน เปลี่ยนสปอนเซอร์ บางทีก็ร่วงไปท้ายตาราง เป็นได้หมด ตนยอมรับกติกาได้หมด ชายชาติทหารรับได้หมด

เนชั่น เปิดใจ “บิ๊กตู่” จริงหรือไม่ 2 ป. ใครได้ ส.ส. มากกว่า คนนั้นเป็นนายกฯ ?

สุดท้ายนี้ “พลเอกประยุทธ์” ได้แสดงความยินดีกับ “นายทักษิณ ชินวัตร” ที่ได้หลานชายเมื่อวันแรงงานที่ผ่านมา ส่วนที่อยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ตนก็พูดไปหลายทีแล้วว่า ไม่ได้ขัดข้อง กลับมาก็เข้าสู่กระบวนการ ตนไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับใครอยู่แล้ว

logoline