18 เมษายน 2566 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงกระแสการวิจารณ์งบประมาณที่ กกต.ใช้ในการเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศนั้น นายอิทธิพร กล่าวว่าทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ก็จะมีการกำหนดงบประมาณก้อนหนึ่ง เอาไว้ใช้เพื่อการนี้ ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของกกต.ว่าจะให้ความสำคัญกับจุดไหนเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นงบประมาณที่ต้องผ่านการพิจารณาของสภาฯ ซึ่งก็จะอยู่ในวงเงินที่กำหนดจะมากกว่านี้ไม่ได้
พร้อมยืนยันว่าการเดินทางไปต่างประเทศของคณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 6 คนไม่ได้ไปพร้อมกันมีการเหลื่อมกันอยู่ ซึ่งจะอยู่ในช่วงเวลา 5 - 22 เมษายน ซึ่งจะสลับกันไป โดยระหว่างนี้หากมีประเด็นที่จะต้องพูดคุยหรือประชุมก็จะใช้ระบบการประชุมแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงเวลาที่คร่อมกันอยู่ก็จะใช้การประชุมแบบนี้ ในเรื่องการประกาศรับรองผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และรับรอง ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คณะกรรมการการเลือกตั้งพร้อมที่จะประชุมได้เสมอ
พร้อมกันนี้ นายอิทธิพร กล่าวถึงเรื่องร้องเรียนว่าขณะนี้มีทั้งหมด 32 เรื่อง เรื่องหาเสียงหลอกลวงใส่ร้าย 15 เรื่อง เรื่องซื้อเสียง 8 เรื่อง ซึ่งหากมีเรื่องร้องเรียนจะพิจารณาทันทีไม่ได้ เพราะจะต้องเข้าสู่กระบวนการตามระเบียบสืบสวนไต่สวน ซึ่งทั้งหมดต้องใช้เวลาในการวินิจฉัย เพราะการวินิจฉัยคำร้องจะเป็นการกระทบสิทธิ์ของทุกฝ่าย ก็ต้องให้ความยุติธรรม ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการวินิจฉัยไม่ทันวันเลือกตั้ง
สำหรับผู้สมัครส.ส.ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก กกต.นั้น ผู้สมัครที่ไม่มีชื่อในประกาศรับรองก็สามารถไปยื่นอุทธรณ์ที่ศาลฎีกาเพื่อขอให้เพิ่มชื่อได้ โดยศาลฎีกาจะ มีคำพิพากษาให้โดยเร็ว
ส่วนกรณีการส่งนโยบายในการใช้จ่ายเงินของแต่ละพรรคการเมืองนั้น วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะให้ส่ง สำนักงานกกต.ได้ขอนโยบายไปยังพรรคการเมืองทั้งหมด 70 พรรค มี 5 พรรคที่ส่งครบ อีก 6 พรรคส่งไม่ครบส่วนที่เหลือยังไม่ได้มีการส่งมายัง กกต. ซึ่งคนที่ส่งไม่ครบหรือยังไม่ส่งก็จะมีกระบวนการติดตาม
ส่วนกรณีที่ กกต.นราธิวาสขอผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 นราธิวาส ปลดป้ายหาเสียงที่มีข้อความ “ปัตตานีจัดการตัวเอง” เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงท้วงติงมา กรณีนี้ถือเป็นการใช้สิทธิหรือเข้าข่ายขัดต่อระเบียบไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ยังไม่ได้รับทราบ ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง แต่โดยหลักผู้สมัครจะหาเสียงเกินขอบเขตของการกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองไม่ได้ ซึ่งจะต้องดูในเรื่องนี้ด้วย นอกจากนี้ยังประเด็นที่มีความเปราะบางในพื้นที่หรือไม่
พร้อมย้ำว่านโยบายของพรรคการเมืองต้องเป็นไปมาตรา 57 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และมาตรา 74 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่กำหนดว่าในการหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมืองนั้น ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับแนวทางที่กำหนดเป็นนโยบายของพรรคการเมือง ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง แต่หากหาเสียงเกินกรอบ ก็เป็นความผิด โดยพรรคการเมืองสามารถชี้แจงต่อ กกต.ได้