ในฐานะที่มีส่วนในดูแลประเด็นงานการมีส่วนร่วมของประชาชนและพัฒนาการเมืองของวุฒิสภา มีผู้ถามว่าใน"การเลือกตั้งส.ส.2566" นี้ กรรมาธิการมีแนวทางการทำงานอย่างไรบ้าง ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นประกอบการรายงานการดำเนินงานต่อพี่น้องประชาชนในโอกาสนี้
ตั้งแต่มีการตั้งคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนและอนุกรรมาธิการชุดที่ผมดูแลเมื่อปลายปี 2562 เราได้ศึกษาแผนปฏิรูปประเทศด้านการเมืองอย่างจริงจัง พยายามดูว่าสถานการณ์ปัญหาระบบการเมืองไทยเป็นอย่างไรและจะทำอะไรกันได้บ้าง
ปัญหาใหญ่ 3 ประเด็นที่เราพบ ได้แก่
เรื่องการใช้เงินเป็นใหญ่ ทุจริตเลือกตั้ง ซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันอย่างโจ่งแจ้ง เป็นกันไปในทุกระดับการเลือกตั้งและทุกหย่อมหญ้า ในคราวนี้หลายฝ่ายต่างคาดว่าจะรุนแรงที่สุด เรื่องการเมืองที่ทำลายล้าง ไม่สร้างสรรค์ เต็มไปด้วยข่าวปลอมและวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง ดูหมิ่น หยามเกียรติกัน
ทั้งยังรุนแรงและเรื้อรังมานานกว่า 20 ปี จนสังคมไทยถูกแยกเป็นขั้วเป็นฝ่ายตามแบบอย่างจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ทรงเกียรติ ทำทุกเรื่องให้เป็นการเมืองไปเสียหมด บ่อนทำลายฐานทุนทางวัฒนธรรมของสังคมและประเทศชาติอย่างซึมลึก ยากที่จะดึงให้กลับมาและยึดเหนี่ยวเป็นปึกแผ่นมั่นคง
เรื่องจิตสำนึกและคุณภาพของพลเมืองผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังมีข้อจำกัดในด้านความตื่นรู้ ใช้สิทธิ์โดยเห็นแก่อามิสสินจ้างที่เขาหยิบยื่น ขาดจิตสำนึกสาธารณะ ละเลยประโยชน์ส่วนรวมในระยะยาว
คณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมฯของวุฒิสภาจึงได้ริเริ่มสิ่งที่เรียกว่า "การเมืองวิถีใหม่" เป็นแนวคิดแนวทางการเมืองในเชิงศีลธรรม เน้นการทำงานการเมืองในเชิงคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งรณรงค์เผยแพร่ความคิดความเข้าใจกันไปในภายในเครือข่ายผู้นำชุมชนท้องถิ่นและประชาสังคมทั่วประเทศแบบเงียบๆ
จนบัดนี้ถึงเวลาของการเลือกตั้ง สส.ครั้งใหญ่ ทางเครือข่ายฯประเมินสถานการณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองช่วงสำคัญสำหรับประเทศชาติ เพราะเต็มไปด้วยความเสี่ยง ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก จึงตัดสินใจขับเคลื่อนการเมืองภาคพลเมือง เพื่อร่วมประคับประคองระบบการเมืองใหญ่ให้ไปในทิศทางที่สร้างสรรค์เท่าที่มีกำลังวังชา
"การเมืองวิถีใหม่" เป็นการเมืองแบบจิตอาสา ผู้แทนราษฎรและคนที่มาทำงานการเมืองควรมีจิตสาธารณะ เสียสละเพื่อส่วนรวม มาเพื่อให้ ไม่ใช่มาเพื่อเอา ไม่ใช่เข้ามาหวังทุจริตกอบโกย ควรเป็นคนที่มีความแข็งแรง พอเพียงแล้วและพร้อมที่จะมาทำเพื่อคนอื่น เพื่อการอยู่ร่วมกันและการอยู่รอดร่วมกันโดยเฉพาะคนเล็กคนน้อย ต้องเป็นคนที่สัตย์ซื่อถือคุณธรรม มีสัจจะวาจา มีความเป็นสุภาพชน สร้างความรักสามัคคีในหมู่คนไทย ภาคภูมิใจในวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ มีสปิริตความเป็นนักกีฬา
สิ่งที่เครือข่ายจะดำเนินการในช่วง 45 วันของการเลือกตั้ง มี 5 แนวทาง ดังนี้
1.เปิดตัวการเมืองวิถีใหม่ ก่อการขับเคลื่อนขบวนการการเมืองภาคพลเมือง มุ่งปรากฏตัวเพื่อให้สังคมไทย โดยเฉพาะชุมชนท้องถิ่นและประชาสังคมทั่วประเทศ ได้รู้จักและจดจำ "กลุ่มการเมืองวิถีใหม่" ในฐานะที่เป็นขบวนการการเมืองเชิงศีลธรรมที่เป็นความริเริ่มและดำเนินการโดยภาคประชาชน.
2.ส่งสัญญาณถึงผู้รักชาติรักแผ่นดิน การเคลื่อนไหวครั้งนี้ต้องการส่งสัญญาณให้คนไทยที่รักชาติรักแผ่นดิน บังเกิดมีความหวังต่ออนาคตของประเทศชาติและมีกำลังใจในการปฏิรูปเปลี่ยนแปลง นำพาสังคมไทยให้หลุดพ้นจากระบบการเมืองน้ำเน่า ทุจริต และสร้างความแตกแยก
3.สนับสนุนพรรคการเมืองวิถีใหม่ แสวงหาพรรคการเมืองที่มีคุณสมบัติแบบการเมืองวิถีใหม่ มีนโยบายมุ่งมั่นในการปฏิรูปการเมืองและสร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจฐานราก สัตย์ซื่อถือคุณธรรม สุจริตโปร่งใส รับใช้ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประโยชน์สุขของประชาชน.
4.ปลุกพลังพลเมือง มุ่งปลุกพลังพลเมืองผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ให้ลุกขึ้นมาทำการเมืองไทยให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ ทุจริตน้ำเน่า ความแตกแยก ความรุนแรง และการรัฐประหารยึดอำนาจ ด้วยการ"โหวตเชิงยุทธศาสตร์" เลือกสนับสนุนพรรคการเมืองวิถีใหม่ ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยด้วยอำนาจในมือของคนเล็กคนน้อย
5.พัฒนาโครงข่ายข้อมูลข่าวสารและการพัฒนา มุ่งวางระบบโครงข่ายข้อมูลดิจิทัลและการสื่อสารเพื่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและปฏิรูปการเมืองของประเทศในระยะยาว โดยร่วมไปกับการรณรงค์ ให้มีความพร้อมในการทำงานพัฒนาระบบประชาธิปไตยชุมชน ประชาธิปไตยท้องถิ่น และประชาธิปไตยตัวแทนระดับชาติอย่างบูรณาการ ภายหลังเลือกตั้ง.
บัดนี้เครือข่ายการเมืองภาคประชาชนส่วนหนึ่งก้าวนำออกไปแล้ว ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนผู้ห่วงใยต่อปัญหาบ้านเมืองโปรดได้ให้ความสำคัญและมาร่วมกันรณรงค์การเลือกตั้งครั้งนี้
ขอเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้งและระบบการเมืองการปกครอง ร่วมแสดงบทบาทอย่างแข็งขัน ตีบทแตก และทำงานเชิงรุก
"โหวตยุทธศาสตร์ โหวตเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง"