"...ถ้าผมต้องไปทนทุกข์ในคุกเล็กอีกก็ไม่เป็นไร แม้มันไม่ใช่ราคาที่ผมจำเป็นจะต้องจ่าย..."
"ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ เปิดใจสำนักข่าวเกียวโด ประเทศญี่ปุ่น
24 มีนาคม 2566 มีความเคลื่อนไหวของ"นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้หลบหนีคดีทุจริตไปอยู่ต่างประเทศ โดยล่าสด นายทักษิณ เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศถึงสถานการณ์ทางการเมืองในไทยที่กำลังจะมี"การเลือกตั้ง66"
ทั้งนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2566 ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว ว่า เขาพร้อมที่จะรับโทษจำคุกในไทยแลกกับการที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว ไม่ว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปในไทยที่กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะออกมาจะเป็น
อย่างไรก็ตาม "นายทักษิณ" ซึ่งขณะนี้อยู่ในกรุงโตเกียว กล่าวว่า เขากำลังพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งอาจจะเป็นภายในปีนี้หลังการเลือกตั้ง และพร้อมที่จะรับโทษจำคุก โดยเขาหวังว่าจะยื่นอุทธรณ์ในบางคดี
"ตอนนี้ผมติดคุกใหญ่มา 16 ปีแล้ว เพราะพวกเขากีดกันไม่ให้ผมอยู่กับครอบครัว ผมทรมานมามากพอแล้ว ถ้าผมต้องไปทนทุกข์ในคุกเล็กอีกก็ไม่เป็นไร แม้มันไม่ใช่ราคาที่ผมจำเป็นจะต้องจ่าย แต่ผมยอมจ่ายเพราะผมอยากอยู่กับหลานๆ ผมควรใช้เวลาที่เหลือในชีวิตกับลูกๆ หลานๆ" นายทักษิณ กล่าว
"นายทักษิณ" กล่าวว่า ประเด็นเรื่องความปลอดภัยของเขาก็เป็นหนึ่งในประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณา เพราะเขาเผชิญกับความพยายามในการลอบสังหารมาแล้วถึง 4 ครั้งเมื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ยืนยันว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ใช่ทางเลือกเพื่อพาเขากลับบ้าน
"ผมบอกกับลูกสาวว่า อย่ายอมให้พรรคเพื่อไทยผลักดันให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ผม เพราะมันไม่จำเป็น คนที่ต่อต้านผมจะไม่พอใจ และกฎหมายต้องมีไว้สำหรับคนทุกคน ไม่ใช่เพื่อคน ๆ เดียว ไม่เหมือนรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาเพื่อให้ทหารสามารถครองอำนาจอยู่ต่อไป" นายทักษิณ กล่าว
"นายทักษิณ" ยืนยันว่า การกลับมารับโทษจำคุกไม่ถือเป็นการทรยศต่อผู้สนับสนุนที่ต่อสู้เพื่อเขาทั้งในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มาและในการชุมนุมที่เกิดขึ้นมากมาย เพราะเขาไม่ได้ยอมรับว่าตนเองทำผิด แต่เป็นเพราะอคติของระบบในอดีตที่รังแกเขา แต่ตอนนี้เขาอายุมากแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เขาจะใช้ชีวิตที่เหลือกับลูกๆ "ผมอยากกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว พวกเขาและผมต่างทนทุกข์กันมามากแล้ว"