8 กุมภาพันธ์ 2566 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมหารือกับพรรคการเมืองเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า กกต. กำหนดค่าใช้จ่าย ส.ส. แบบแบ่งเขต ในกรณีที่อยู่ครบวาระ วางไว้ที่ 6.5 ล้านบาท ส่วนพรรคการเมือง 152 ล้านบาท แต่กรณียุบสภา ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส. แบบเขต กำหนดไว้ที่ 1.7 ล้านบาท และของพรรคการเมืองอยู่ที่ 41 ล้านบาท
แต่การหารือวันนี้ยังมีความเห็นต่างระหว่างพรรคการเมืองใหญ่และพรรคการเมืองเล็ก ในเรื่องของความได้เปรียบและเสียเปรียบทางการเมือง ซึ่งหลังจากนี้จะมีการประมวลความคิดเห็น เสนอให้ กกต. พิจารณาและกำหนดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งแบ่งเขต และของพรรคการเมือง ที่เหมาะสมต่อไป
ส่วนเรื่องติดตั้งป้ายหาเสียงจำนวนและสถานที่การติดตั้ง พรรคการเมืองแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง นายอิทธิพร ระบุว่า หลังจากนี้ กกต. จะนำความเห็นไปประมวล เพื่อ จัดทำรายละเอียดให้กกต.เห็นชอบเช่นกัน ทั้งนี้จากการหารือในช่วงเช้าได้มีการหารือถึงค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง
โดยพรรคการเมืองยังมีความเห็นต่างกันอยู่ ในเรื่องของการกำหนดวงเงิน และ หลักการในการจัดสรรต้องคำนวนภายใต้เงื่อนไขเรื่องของเงินเฟ้อและอัตราค่าจ้างแรงงาน
ทั้งนี้ ในช่วงบ่าย กกต. จะหารือกับพรรคการเมืองเรื่องการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งตามกระบวนการไพรมารี่โหวต และการจัดเงินอุดหนุนให้แก่พรรคการเมือง
ส่วนเรื่องการแบ่งเขต ที่ตอนนี้มีปัญหาความเห็นต่าง หลัง กตต. นำคนไม่ใช่สัญชาติไทย ไปคำนวณแบ่งเขตเลือกตั้ง 2566 นายอิทธิพร กล่าวว่า วันนี้พรรคการเมืองไม่ได้มีการสอบถามเรื่องนี้ แต่ กกต. ได้ทำเอกสารชี้แจงไปถึง 2 ครั้งแล้ว ยืนยันว่า การแบ่งเขต ได้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 86 ที่กำหนดว่า ในการกำหนดจำนวน ส.ส. และเขตเลือกตั้งให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศ และให้เป็นไปตามทะเบียนราษฎร์
ซึ่งจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรไทยมีจำนวนเท่าไหร่ รวมทั้งคนที่มีสัญชาติไทย และไม่มีสัญชาติไทยอยู่ด้วย โดยยืนยันว่า ปฏิบัติแบบนี้มาโดยตลอด
ขณะที่วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แนะ กกต. ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ สิ้นสงสัยในเรื่องนี้ก่อนการเลือกตั้ง นายอิทธิพร ยืนยันว่า สิ่งที่ทำเป็นไปตามกฏหมายแล้ว และเราไม่ได้คิดว่า จะยืนศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้ด้วย