16 มกราคม 2566 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ "ตะวัน" อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวัง และ "น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์" หรือ "แบม" นักกิจกรรมเคลื่อนไหวต่อต้านมาตรา 112 พร้อมทนายความ เดินทางมายื่นหนังสือ และคำร้องขอถอนประกันตัวเอง เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
ประท้วงกรณีที่ศาลอาญา ได้มีคำสั่งเพิกถอนประกัน น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ และ นายโสภณ ฤทธิ์ธำรง หรือ เก็ท นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ จำเลยคดีดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา
ก่อนยื่นคำร้องถอนประกัน "ทานตะวัน" และ "แบม" ได้จัดกิจกรรม “เลือดต้องแลกด้วยเลือด” ที่บริเวณทางเท้าหน้าป้ายศาลอาญา มีมวลชนมาร่วมประมาณ 50 คน เช่น นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข , นายเอกชัย หงส์กังวาน และนางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ "ป้าเป้า" ที่มาให้กำลังใจ มีตำรวจ สน.พหลโยธิน ตำรวจศาล และ รปภ.ประจำศาลอาญา มาดูแลความสงบเรียบร้อย พร้อมนำรั้วแผงเหล็กมากั้นรอบบริเวณทางเข้าศาล
ต่อมา น.ส.ทานตะวัน ได้ยื่นคำร้อง 1 ฉบับแก่ผู้พิพากษาในคดีที่ตนเองตกเป็นจำเลย คดี อ.1237/2565 ส่วน น.ส.อรวรรณ ได้ให้ทนายความ ไปยื่นที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งมีคดีค้างพิจารณา อยู่ในศาลดังกล่าว
ซึ่งคำร้องมีใจความสอดคล้องกันว่า คดีนี้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย ในระหว่างพิจารณาคดี โดยมีเงื่อนไขและข้อกำหนดให้จำเลย ต้องปฏิบัติตามหลายประการ จำเลยเห็นว่า เงื่อนไขที่ศาลให้ปฏิบัตินั้น ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ นอกจากนั้น ศาลยังได้เริ่มกระบวนการ ที่จะเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวของจำเลย ตามที่ปรากฏในสำนวน ซึ่งเห็นว่า ไม่ยุติธรรม และไม่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นจำเลยจึงไม่ประสงค์ จะขอปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดีนี้อีกต่อไป และขอถอนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ในระหว่างพิจารณาคดีนี้ นับแต่เวลาที่ยื่นคำร้องเป็นต้นไป ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว ในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ อนึ่งขณะยื่นคำร้อง จำเลยได้เดินทางมาปรากฏตัวต่อศาลแล้ว ขอให้ศาลรับตัวจำเลยและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาศาลอาญา ได้ไต่สวนคำร้องขอถอนประกันของ น.ส.ทานตะวัน และมีคำสั่งว่า ผู้ร้องประสงค์ ขอให้ถอนประกัน จึงอนุญาตตามคำขอผู้ร้อง ออกหมายขังไปเรือนจำต่อไป
ขณะที่ช่วงบ่าย ทนายความของ น.ส.อรวรรณ ยื่นคำร้องต่อ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ว่า จำเลยซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณา โดยกำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวไว้ด้วย แต่จำเลยเห็นว่า การกำหนดเงื่อนไขเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของจำเลย ดังนั้นจำเลยจึงไม่มีความประสงค์ที่จะขอปล่อยชั่วคราว จึงขอถอนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนับตั้งแต่เวลาที่ยื่นคำร้องนี้เป็นต้นไป
โดยศาลอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า ศาลสอบผู้ร้องแล้ว ยืนยันว่าเป็นจำเลยที่ 7 ในคดีนี้โดยไม่ประสงค์ประกันตัว จึงให้รับตัวไว้ และออกหมายขังไว้ระหว่างพิจารณา ภายหลังศาลมีคำสั่งแล้ว จำเลยได้ถอดอุปกรณ์กำไลข้อเท้า EM ส่งคืนศาล และถูกนำตัวไปคุมยังทัณฑสถานหญิงต่อไป