"ประยุทธ์"พลิกทุกตำรา เล็ง"ปฏิทินล้านนา"หวังชิงธงอำนาจ ศึก"เลือกตั้ง66"  

บรรดากรูรูทางการเมือง ต่างออกมาวิเคราะห์กันว่า "พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา"  นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะออก"พระราชกฤษฏีกายุบสภา" เมื่อตนเองอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบ 

ทั้งการออกนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินจนเป็นที่ถูกอกถูกใจประชาชน ทั้งสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ทั้งการเซ็ทขุมกำลังพลในพื้นที่อย่างพร้อมแล้ว  

ยิ่งล่าสุด เริ่มมีกระแสวงใน "พล.อ.ประยุทธ์" อาจตัดสินใจประกาศ"ยุบสภา" ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 10 มกราคม 2566 เนื่องจากจะมีการนำวาระพิจารณา กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เข้าสู่ที่ประชุม  ด้วยเหตุผลเพราะต้องการให้ครม.มีมติเห็นชอบให้เรียบร้อย รอรัฐบาลใหม่เข้ามาสานต่อไปได้ทันที ไม่ต้องตั้งเรื่องกันใหม่ อีกนัยหนึ่ง ต้องการจะหนีญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติสภาหรือไม่  ซึ่งเป็นสิ่งที่กรูรูคาดการณ์กันไว้ 

ยังมีเงื่อนไขที่เป็นไฟท์บังคับให้"พล.อ.ประยุทธ์" ต้องสะสางให้เรียบร้อยก่อน โดยที่ทุกสายตากำลังเฝ้าจับตามองอย่างไม่กระพริบ  เรื่องแรก คือ "นายกฯประยุทธ์" จะไปสมัครเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อไหร่ 

เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่ "คอการเมือง" ให้ความสนใจ เพราะเคยมีข่าวว่าแอบไปเขียนใบสมัครไว้แล้ว โดยอิงจาก"ราชาฤกษ์" วันที่ 22 พฤศจิกายน ทางพรรคออกมาปฏิเสธ แถมกล่าวหาเนชั่นว่าเผยแพร่เฟกนิวส์อีกต่างหาก 

ต่อมามีข่าวอีกรอบหลังท่านนายกฯเปิดตัว เปิดแถลงกลางแดดที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ธ.ค.65  ว่าจะไปอยู่"รวมไทยสร้างชาติ" แน่ๆ (เพราะจะเสนอตนเป็นแคนดิเดตนายกฯเพียงคนเดียว)

ตอนนั้นก็มีข่าวว่า "นายกฯ" จะไปสมัครเข้าพรรคอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในวันที่ 29 ธ.ค. ซึ่งเป็น "ราชาฤกษ์" เหมือนกัน โดยใน "ปฏิทินล้านนา" เรียกว่า "วันมหาสิทธิโชค"  แต่ปรากฏว่าก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ (หรือแอบไปเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยแบบไม่มีใครรู้ ก็เป็นได้ ส่วนพิธีกรรมทางเปิด และเรื่องทางทะเบียน เก็บไว้ดำเนินการภายหลัง ) 

ล่าสุดมีข่าวจากทางแกนนำ"พรรครวมไทยสร้างชาติ"ว่า "นายกฯประยุทธ์"  จะไปสมัครเข้า"พรรครวมไทยสร้างชาติ" ช่วงราวๆ สัปดาห์ที่ 2 ไม่เกินสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม โดยจะมีพิธีแห่ขันหมาก ส่งเทียบเชิญกันพอหอมปากหอมคอ เพื่อชิงพื้นที่ข่าวช่วงใกล้เลือกตั้ง 

เมื่อกระบวนการสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ บรรลุผล อย่างเป็นทางการ  ขั้นตอนต่อไปจึงตามมา "นายกฯประยุทธ์ จะยุบสภาเมื่อไหร่กันแน่" 

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับ "ฤกษ์งามยามเหมาะ" อีกเหมือนกัน เดิมทีมีข่าวว่า"นายกฯ"เคยกล่าวระหว่างร่วมรับประทานอาหารกับกลุ่ม 40 ส.ส.ที่สนับสนุน และจะไปเข้าร่วม"พรรครวมไทยสร้างชาติ"  เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ก่อนเดินทางไปเบลเยี่ยม โดยบอกว่า "ขอให้ ส.ส.ทำงานตามปกติไปก่อน อย่าเพิ่งลาออก ขอให้อยู่จนหมดสมัยประชุมสภา (วันที่ 28 ก.พ.2566) จากนั้นค่อยว่ากันอีกครั้ง  จึงทำให้มีการคาดการณ์กันว่า นายกฯจะอยู่ยาว ยุบสภาใกล้หมดวาระ

แต่ปรากฏว่า ต่อมา หลังกลับจากเบลเยี่ยม นายกฯออกมาโวยและแสดงความไม่พอใจว่า ไม่เคยไปรับประทานอาหารกับกลุ่ม 40 ส.ส. และไม่เคยไปกินข้าวกับใครทั้งนั้น งานนี้จึงไม่รู้ว่าใครพูดจริง ใครพูดโกหก เพราะข่าวนี้ก็ออกมาจากคนในพรรครวมไทยสร้างชาติเอง 

ต่อมามีข่าวลือว่า นายกฯจะเลือกยุบสภาในวันปิดสมัยประชุมสภา คือ 28 ก.พ.2566 แต่มีข้อมูลใหม่เข้ามาว่า มีคนแนะนำว่า วันที่ฤกษ์ดีกว่า 28 ก.พ. คือวันที่ 14 ก.พ.2566  

"วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ตรวจสอบกับปฏิทินล้านนา พบว่าเป็นวัน "อมริสสโชค" หรือ "ราชาโชค" เรียกว่าเป็นวันดีสองชั้น ว่ากันว่าถ้ายุบสภาวันนั้น มีโอกาสกลับคืนสู่ทำเนียบรัฐบาลสูงมาก (กลับมาทำงานต่อ ไม่ใช่กลับมาเก็บของกลับบ้าน)" 

สำหรับ "วันอมริสสโชค" ตามตำรา ระบุว่า เหมาะสำหรับการลงทุนทำกิจการต่างๆ ทั้งการเสี่ยงโชค  การติดต่อผู้ใหญ่ ทำให้กิจการหรือสิ่งที่ทำในวันนั้นประสบความสำเร็จ ดีสำหรับงานทั่วไปเกี่ยวกับความราบรื่นและลาภผล 

อีกประการ ตาม"ปฏทินล้านนา" โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประจักษ์ชัดแต่ละห้วงสัปดาห์ของเดือนกุมภาพันธ์  นอกจากวันที่ 14  ก.พ. จะมีวันอันเป็นมงคลฤกษ์อีกครั้งคือ  23 ก.พ. เป็น "วันไชยโชค  วันอมริสสโชค  ขณะที่วันที่ 28 ก.พ. จะเป็นวันไม่เป็นมงคลเสียเลย

ฉะนั้น  เมื่อเทียบเคียงเล็งลัคนาแล้ว  "14 กุมภาพันธ์" จึงดีกว่าวันอื่นๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะผูกโยง ในเรื่องของความเป็น"วันราชาโชค" "วันอมริสสโชค"  ถือเป็นโชคใหญ่สองเด้ง อีกอย่างมองในทางปฏิทินสากล เป็นวันวาเลน์ไทน์ "วันแห่งความรัก"เสียด้วย 

"งานนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" การตัดสินใจคืนอำนาจกลับสู่ประชาชน จึงต้องพลิกทุกตำราการเมือง ทุกศาสตร์วิชา เพื่อให้ทุกอย่างลงตัวที่สุด

แต่ถึงที่สุดไม่มีใครอ่านใจ "นายกฯประยุทธ์" ได้อย่างเด็ดขาด  เพราะอำนาจ"ยุบสภา"อยู่ในมือนายกฯประยุทธ์คนเดียวเท่านั้น