30 ธันวาคม 2565 ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่างถึงกรณีที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคลมผลงานนโยบาย Medical Hub ให้บริการการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอุตสาหกรรมชั้นนำในภูมิภาค ว่า ชัดเจนแล้วเมื่อปี่กลองทางการเมืองเริ่มดังขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวมา 8 ปีแล้ว แต่ได้ประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อีกพรรคหนึ่งทั้งที่ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี อีกพรรคหนึ่ง
ซึ่งเป็นการผิดมารยาททางการเมืองและไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ถือว่าขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการเมืองเต็มตัว เมื่อใกล้เข้าสู่การเลือกตั้ง จึงพยายามควานหาผลงาน โดยเลือกที่จะเคลมผลงาน Medical Hub ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ริเริ่ม ตอกเสาเข็มโครงการนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2556 แต่พล.อ.ประยุทธ์ กลับนำเอามาพูดเป็นความภาคภูมิใจเสมือนว่าเป็นผู้ริเริ่มโครงการเอง เป็นการกระทำซ้ำรอยกับพูดถึงโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค บนเวทีโลก ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา ทั้งที่เป็นผลงานที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ริเริ่มและทำสำเร็จไว้
ทั้งนี้ หลายนโยบายที่ได้ทำต่อจากพรรคเพื่อไทย เช่น 30 บาท รักษาทุกโรค กลายเป็นหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า พรรคเพื่อไทยดีใจที่นโยบายดีๆถูกนำไปทำต่อและเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน แต่การกล่าวอ้างว่าเป็นผลงานตน โดยไม่ให้เครดิตกับสิ่งดี ๆ ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยทำไว้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการขโมยผลงานใช่หรือไม่
สำหรับนโยบาย Medical Hub ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ริเริ่มในปี 2556 และเริ่มดำเนินการเรื่อยมา โดยกำหนดแนวทางการพัฒนา Medical Hub เป็น 4 ด้าน คือ
1. เป็นศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub)
2. เป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพ (Medical Service Hub)
3. เป็นศูนย์กลางการศึกษา วิชาการและงานวิจัย (Academic Hub)
4. เป็นศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Product Hub)
ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า ด้วยการริเริ่มโครงการ Medical hub อย่างมีวิสัยทัศน์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำให้ประเทศไทยติดอันดับ 5 ของโลก ด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หากรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ถูกยึดอำนาจในปี 2557 โครงการนี้ก็จะประสบความสำเร็จในปี 2561 ตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งจะมาให้ความสำคัญในช่วงใกล้เลือกตั้งนี้
“พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสะกดคำว่า Fair play และไม่เอาเปรียบนักการเมืองคนอื่นให้เป็น คือเป็นผู้เล่นที่เล่นตามกติกา และยุติธรรม การเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะมีเสียง ส.ว.มาหนุนหลังโหวต ถือเป็นความอยุติธรรมทางการเมืองอยู่แล้ว ดังนั้นในระหว่างอยู่ในตำแหน่งอีกไม่กี่เดือน ต้องไม่มีการเอาเปรียบนักการเมืองจากพรรคอื่น ควรมีใจที่เป็นธรรม และควรรู้จักพอ ประเทศไทยเดินหน้าโดยไม่ต้องมีพล.อ.ประยุทธ์” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว