สรุปข่าวเด่นการเมือง รอบปี 2565 ส่งท้ายปีเสือ "เส้นทางอนาคตของ 3 ป."
"เส้นทางอนาคตของ 3 ป." กับกระแสตั้งพรรคเดินหน้าสู้"ศึกเลือกตั้งปี 2566" ยังคงเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงมากไม่แพ้ปมร้อนอื่น ๆ ในรอบปี 2565
ในรอบปี 2565 ที่ผ่านมา มีหลายเหตุการณ์ทางการเมืองและมีความเคลื่อนไหวสำคัญ ๆ ทางการเมืองไทยเกิดขึ้นมากมาย ทั้งในรัฐบาล พรรคการเมือง ในรัฐสภาและศาล โดยทีมข่าว "เนชั่นออนไลน์" ได้คัดข่าวที่ถูกพูดถึงในปี 2565 “สรุปเป็นข่าวเด่น” ดังนี้
เส้นทางอนาคตของ 3 ป.
ใกล้ถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อันมีความหมายต่อการเลือกตั้งในปี 66 ที่กำลังจะมาถึง หลายพรรค หลายก๊วน ต่างพากันเปิดตัวพลังดูด ส.ส. จากพรรคอื่นเข้าสู่พรรคตัวเองกันอย่างครึกครื้น ไล่ตั้งแต่พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคเล็กอื่นๆที่ก่อนหน้านี้เริ่มจะขยับมองหาความชัดเจนในอนาคตทางการเมืองกันแล้วว่าจะเทใจไปให้ใครดี
ถึงแม้ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร เคยย้ำว่าไม่มีปัญหากับ"บิ๊กตู่" ในการแยกตัวออกไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะ"พล.อ.ประยุทธ์" ไม่เคยอยู่ในพรรคพลังประชารัฐเลย และไม่ใช่สมาชิกพรรคด้วย พรรคพลังประชารัฐทำให้ "พล.อ.ประยุทธ์" ได้เป็นนายกฯ แต่คำพูดเหล่านี้เชื่อว่าไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์แตกกันแน่นอน เพราะจุดหมายปลายทางและอุดมการณ์ยังเหมือนกันอยู่คือต้องชนะหรือหยุดพรรคเพื่อไทยไม่ให้ได้แลนด์ไสลด์
ทางฝั่ง"พลังประชารัฐ" เริ่มขยับแบบเต็มสูบแล้ว หลังจาก "บิ๊กป้อม" ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้ลงนามคำสั่งพรรค ตั้งคณะทำงานธุรการเพื่อการเลือกตั้งทั่วไป โดยให้ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" เป็นประธานดูแล การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปปี 66 กระบวนการสรรหา การจัดประชุมสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด เพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรค และการยื่นเอกสารสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของพรรค ซึ่งจะมีการประชุมใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ ในวันที่ 14 ม.ค. 66 นี้ โดยตอนนี้ความพร้อมของการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค คืบหน้าไปถึง 80% แล้ว "วิรัช รัตนเศรษฐ" รองหัวหน้าพรรค ย้ำล่าสุด และพรรคยังตอกย้ำถึงความพร้อมหลังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 ภาค รวม 55 คน
ส่วนฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนล่าสุด เรียกว่าเปิดตัวชัดยิ่งกว่านอนยัน ถึงความพร้อมในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนใหม่ของ "พรรครวมไทยสร้างชาติ"แล้ว หลังอุบเงียบเรื่องทิศทางการเมือง เลี่ยงตอบสื่อมาตลอดโดยตลอด ซึ่งเจ้าตัวได้ตัดสินใจดีแล้วว่าเวลานี้สมควรที่สุดที่จะต้องชัดเจนกับอนาคตทางการเมือง หลังได้นำ"ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร" และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองขึ้นทูลเกล้าฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะอยู่ในพระบรมราชวินิจฉัย 90 วัน เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา และประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะมีผลบังคับใช้ในวันถัดไป ถือว่ากติกาสำหรับการเลือกตั้งครบถ้วนเสร็จสิ้น
ตอนนี้เห็นว่ากระแสทางภาคใต้นิยม "บิ๊กตู่" อยู่ไม่น้อยเพราะมี "ธนกร วังบุญคงชนะ" คอยช่วยดูเรื่องฐานเสียงทางนี้ให้อย่างดี และ"สุชาติ ชมกลิ่น" ที่เป็นองครักษ์ส่วนตัว "พล.อ.ประยุทธ์" ตามมาช่วยอีกแรง ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งก็ยิ่งทำให้คะแนนนิยมในตัวบุคคลเริ่มชัดเจนขึ้นตามไปด้วย ส่วนกระแสตอบรับหลังจากนี้จะดีแค่ไหน คงต้องวัดกันที่การลงพื้นที่หาเสียงของแต่ละตัวบุคคล เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปสนุกแน่นอน
8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ นั่งนากยกฯ ต้องรอดพร้อมลุยต่อ
ส.ส.ฝ่ายค้านจุดประเด็นปมการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ครบวาระ 8 ปี เพื่อหวังโค่นล้มอำนาจทางการเมืองที่มีมาอย่างยาวนาน จึงเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ นักวิเคราะห์ให้เหตุผลต่างๆนาๆว่า "ลุงตู่" อาจจะต้องลงจากหลังเสือ เพราะว่าอยู่มานานเกินไป ซึ่งภายหลังศาลรับคำร้องไว้วินิจฉัย ได้มีการสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯลุงตู่ ในวันที่ 24 ส.ค. 65 ด้วยมติ 5:4 ก่อนจะให้ พล.อ.ประวิตร เข้ามานั่งรักษาการนายกฯแทน แต่ที่สุดแล้ววันที่ 30 ก.ย. 65 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยชี้ขาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไปต่อ ทำให้รอดปมวาระนั่งนายกฯ 8 ปี พร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯต่อได้แบบไม่ขัดต่อจริยธรรม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า "พล.อ.ประยุทธ์" ได้รับพระบรมราชโองการการแต่งตั้งเป็นนายกฯตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2557 แต่รัฐธรรมนูญ 2560 มีบทเฉพาะกาลที่ระบุให้ ครม. ที่เป็น ครม. ก่อนมีรัฐธรรมนูญนี้ เป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญนี้ ศาลจึงพิจาณารัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 264 วรรคหนึ่ง มีจุดมุ่งหมาย 2 ประการ ยืนยันถึงหลักความต่อเนื่อง แม้จะเป็น ครม. ตามรัฐธรรมนูญฉบับอื่น แต่ถือเป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้และเพื่อให้อยู่ใต้กฎเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 โดยหากไม่ได้บัญญัติยกเว้นไว้ก็ให้ถือบังคับใช้ตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2560
ดังนั้นเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้เมื่อ 6 เมษายน 2560 การดำรงตำแหน่งนายกฯของ"พล.อ.ประยุทธ์" จึงเป็นการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเอาวันเริ่มต้นของการบังคับใช้รัฐธรรมนูญเป็นวันเริ่มดำรงตำแหน่งนายกฯ "พล.อ.ประยุทธ์" จึงยังดำรงตำแหน่งไม่ครบตามกำหนด และความเป็น"นายกฯ" จึงยังไม่สิ้นสุดลง เพราะหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ "พล.อ.ประยุทธ์" เอาตัวรอดมาได้จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 2 ครั้ง คือ 18 ก.ย. 62 วินิจฉัยว่า "พล.อ.ประยุทธ์" ไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ใช่ "เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ" และ 2 ธ.ค.63 วินิจฉัยว่า "ลุงตู่" อาศัยอยู่ในบ้านพักประจำตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ทั้งที่พ้นตำแหน่งไปแล้ว โดยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ก่อนที่ล่าสุดเจ้าตัวกระโดดเข้าสู่ร่างใหม่ภายใต้คำว่า นักการเมือง เต็มตัวแล้วก็ว่าได้ เพราะยอมเทหมดหน้าตักเตรียมลงพื้นที่หาเสียงด้วยตัวเอง หลังมีส.ส. เป็นจำนวนมากทยอยลาออกจากต้นสังกัดเดิม ตบเท้าเข้าร่วมก๊วนรวมไทยสร้างชาติกันยกใหญ่ และเตรียมตามมาสมทบเชื่อว่าอีกหลายคน พร้อมดันตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของ"พรรครวมไทยสร้างชาติ" เพื่อหวังชนะสนามเลือกตั้งในปีหน้า ที่เป็นแบบนี้เพราะภายหลังการกลับมานั่งเก้าอี้นายกฯต่อส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ และท่องเที่ยว และผลจากการจัดประชุมเอเปคที่ผ่านมา ก็ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของ "บิ๊กตู่" ว่ายังมีฝีไม้ลายมือดีพอ สมควรจะได้ไปต่อ หรือจะพอมีสิทธิ์เป็นผู้ชนะเลือกตั้งครั้งหน้าได้หรือไม่
ส่วนในวันพรุ่งนี้ทีมข่าว "เนชั่นออนไลน์" ยังมีเรื่องให้ติดตามต่ออีก โดยจะเป็นคิวของ "ตระกูลชินวัตร"