svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ฉายารัฐบาลปี65" หน้ากากคนดี " สื่อทำเนียบตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็น "แปดเปื้อน"

26 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สุดแสบสันต์ สื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายารัฐบาลประจำปี 2565 ให้รัฐบาลนายกฯลุงตู่ เป็น"หน้ากากคนดี" ฉายา"นายกฯประยุทธ์" แปดเปื้อน" พร้อมวาทะเด็ดแห่งปี"เกลียดหรือไม่เกลียดก็ช่างคุณเถอะ เพราะผมไม่รู้" 

26 ธันวาคม 2565  ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า  ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำกันเป็นประจำ ตั้งแต่สมัยรัฐบาล "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" สำหรับการตั้ง"ฉายารัฐบาล"ประจำปี เพื่อสะท้อนภาพการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ ซึ่งปีนี้สื่อทำเนียบมีมติตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2565 ร่วมกันดังนี้

 

แฟ้มภาพ คณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บริหารราชการยืนยาว 8 ปี

 

ฉายารัฐบาล : "หน้ากากคนดี"  

 

เป็นอีกหนึ่งปี ที่ทุกคนยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ขณะเดียวกัน ภายใต้หน้ากากของรัฐบาล ที่สร้างภาพจำตลอดเวลาว่าเป็นคนดี นโยบายทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน แต่กลับเกิดข้อกังขาว่ายังเดินตามเจตนารมณ์ที่ประกาศไว้ได้หรือไม่ เช่น นโยบายกัญชา ที่อวดอ้างทำเพื่อประชาชน แต่เมื่อเกิดผลกระทบจากการใช้ผิดวัตถุประสงค์ กลายปัญหาสังคมบานปลาย แม้แต่การออกกฎหมายควบคุมการใช้ยังทำไม่ได้ สุดท้ายผลักภาระเพิ่มให้ตำรวจ เพียงเพราะต้องการเช็คลิสต์ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ นโยบายประชานิยมที่ออกแนวหาเสียง ให้ทั้งเบ็ด ทั้งปลา หรือ การประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีความคลุมเครือ ว่าประโยชน์ที่ได้นั้น เป็นของประชาชนหรือนักการเมืองกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของพรรคการเมืองใด  เมื่อออกมาในนามรัฐบาล  ประชาชนจึงเกิดความเคลือบแคลงสงสัย ว่าภายใต้หน้ากากที่ประกาศเป็นคนดีนั้น จริงหรือไม่?

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ประกาศตนเข้าร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

ฉายา "พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  ได้รับฉายา  "แปดเปื้อน" 

 

ปมวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี สั่นคลอนภาพลักษณ์ของพลเอกประยุทธ์ ตลอดปีที่ผ่านมา และกลายเป็นข้อครหา ถึงความชอบธรรมในการครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อเนื่องยาวนาน "พล.อ.ประยุทธ์" ถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ให้หยุดปฎิบัติหน้าที่

 

แม้จะเพียงแค่ 38 วัน ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยในตัวของ "พล.อ. ประยุทธ์" ที่มักจะพูดเสมอว่าไม่ยึดติดอำนาจ ทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน ไม่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง  ยิ่งเมื่อปัญหาใต้พรมถูกขุดคุ้ยขึ้น ใกล้ตัวเกินกว่าจะปัดความเกี่ยวโยงได้ ทั้งนโยบายประชานิยม ทุนสีเทาสนับสนุนพรรคการเมือง หรือ แม้แต่นักการเมืองใกล้ตัว นายทหารใกล้ชิด ที่ได้ไปนั่งอยู่ในบอร์ดบริหารบริษัทพลังงาน แม้พิสูจน์กันทางกฎหมายไม่ได้ แต่ทำให้ถูกมองว่า ไม่ได้ใสสะอาด ผุดผ่องอีกต่อไป

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

 

"พล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ"​ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับฉายา "ลองนายกฯ"  

 

แม้จะเป็นเวลาเพียง 38 วัน ที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่"พล.อ.ประวิตร" ได้ทำอย่างสุดกำลัง ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ลองเป็นนายกฯ หลายครั้งที่ตัวจริงอย่าง "พล.อ. ประยุทธ์"  ต้องไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ พี่ใหญ่ในกลุ่ม 3 ป. ในฐานะ สร.2 ก็ทำหน้าที่แทนมาตลอด แต่อาจไม่ยาวนานเช่นครั้งนี้ซึ่งมีอำนาจเต็ม(ในขณะนั้น) หากจะยุบสภาฯ ก็สามารถทำได้ 

 

บรรดากองหนุนและกองเชียร์ ปั่นกระแสจนเคลิ้ม ถึงกับประกาศใช้ "ใจบันดาลแรง" ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ลุยงานรัวๆ ทำเอากองเชียร์นายกฯ ตัวจริง ร้อนๆ หนาวๆ แต่สุดท้ายก็ได้แค่"ลอง" เท่านั้น

 

อนุทิน ชาญวีรกูล  รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

 

"นายอนุทิน​ ชาญ​วีรกูล"รอง​นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับฉายา "ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย" 

 

"พูดแล้วทำ" คือ สโกแกนพรรคภูมิใจไทย แต่ทำแล้วสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แม้จะปลดล็อกกัญชาจากการเป็นยาเสพติด แต่กฎหมายควบคุมกลับค้างเติ่งติดดอย ไปต่อไม่ได้  เกิดเป็นปัญหาสังคมบานปลาย เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงกัญชาได้อย่างง่ายดาย เมื่อจวนตัวกลับโยนให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ หัวจะปวดกันทั้งประเทศ 

 

ขณะที่ บทบาทพรรคร่วมรัฐบาล ถือได้ว่าเป็นเด็กดีมาโดยตลอด แต่เมื่อเสียงปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้น กลับสวมบทไดโวโชว์พลังดูด ส.ส. นักการเมือง ทั้งจากพวกเดียวกัน และต่างขั้ว ชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม โดดเด่นไม่แพ้การนำเสนอนโยบายกัญชา

 

จุรินทร์​ ลักษณ​วิศิษฎ์​ รองนายกฯ , รมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

 

"นายจุรินทร์​ ลักษณ​วิศิษฎ์"​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับฉายา "ประกันไรได้"

 

"ประกันรายได้" เป็นนโยบายหาเสียงหลักของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค  แถมยังนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและกระทรวงค้าขาย ก็จัดหนักนโยบายนี้ จนแทบไม่โฟกัสงานอื่น ข้าวของขึ้นราคาไม่หยุด แต่สินค้าเกษตรกลับต้องทุ่มเงินไปประกันอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดคำถามกับการแก้ปัญหาของรัฐบาลด้วยวิธีประกันรายได้ ว่าถูกทางจริงหรือ? ที่ว่าประกันนั้น "ประกันไรได้บ้าง"

 

สุพัฒนพงษ์​ พันธ์มี​เชาว์"​ รองนายกฯและรมว.พลังงาน

 

"นายสุพัฒนพงษ์​  พันธ์มี​เชาว์"​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้รับฉายา  "Powerblank"

 

วิกฤตพลังงาน เป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสสำหรับคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก หลายมาตรการที่เข็นออกมาไม่ขาดสาย นอกจากชักเนื้อรัฐบาลมาอุดหนุน ก็ยังไม่เห็นว่ามีสิ่งไหนทำได้จริง ยิ่งการล้วงเงินจากกระเป๋าเอกชนอย่างโรงกลั่นน้ำมัน โครมครามอยู่พักใหญ่ แล้วหายไปกับสายลม  เหมือนการขายที่ดินให้ต่างชาติแลกเงินลงทุน เกิดกระแสตีกลับระเนระนาด ถอยตั้งหลักแทบไม่ทัน จึงเกิดข้อสงสัยกันว่า เป็นรัฐมนตรีพลังงาน หรือ รัฐมนตรีไม่มีพลังงานกันแน่

 

วิษณุ  เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

 

"นายวิษณุ​ เครืองาม"​ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับฉายา   เครื่องจักรซักล้าง" 

 

ความเอกอุด้านกฎหมายระดับปรมาจารย์ในตำนาน ถูกใช้สนองตอบความต้องการของรัฐบาลทุกช่องทาง ทั้งพรรคหลักพรรคร่วม ไม่มีเลือกปฏิบัติ ช่วยยกภูเขาออกจากอก ลดปัญหาหนักใจ ทำหน้าที่เหมือนเครื่องจักรกล คอยซักล้างความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลให้ผ่านพ้น เรื่องไหนผ่านมือเนติบริกรคนนี้ อย่าหวังว่าจะมีใครโต้แย้งได้ เช่น ปม 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ แม้แต่เรื่องเหมืองทองอัครา

 

ดอน​ ปรมัตถ์วินัย  รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ

 

"นายดอน​ ปรมัตถ์วินัย"​ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับฉายา "ลุ่มๆ ดอนๆ"

 

APEC ถือเป็นงานใหญ่งานหนึ่งในรอบ 20 ปีของไทย ที่มาพร้อมโอกาสทางเศรษฐกิจหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 นโยบายเปิดประเทศจึงเป็นความหวังของทุกคน ที่จะทำให้ประเทศพ้นกับดักต่างๆ แต่บทบาทในฐานะรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง กลับไม่สามารถสร้างการรับรู้ หรือ ดึงดูดความสนใจของคนในประเทศได้เท่าที่ควร การเป็นเจ้าภาพ APEC จึงเหมือนรับรู้กันเฉพาะในวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องพูดถึงความสนใจจากทั่วโลกที่ดูน้อยมาก  จนเกิดการเปรียบเทียบกับรัฐบาลในอดีตที่เคยเป็นเจ้าภาพจัดงานสำคัญ ล้มเหลวตั้งแต่ระบบลงทะเบียน ลามไปจนถึงกิจกรรมประชาสัมพันธ์โหมโรง ที่ไม่ลุกโชนตามความตั้งใจ แม้แต่ธงโบกสะบัดยังปักเป็นหย่อมๆ ก่อนงานเพียงไม่กี่วัน และ มีเสียงเล่าลือกันหนาหู ว่าการทำงานในกระทรวงร่วมกับข้าราชการ ก็"ลุ่มๆ ดอนๆ" ไม่เปิดกว้างรับฟัง เกิดเป็นภาพการทำงานที่ล่าช้า ตกยุค ไม่ทันสมัย

 

พลเอกอนุพงษ์​ เผ่าจินดา ​ รมว.มหาดไทย

 

"พล.อ.อนุพงษ์​ เผ่าจินดา" ​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้รับฉายา "หน้าชัด หลังเบลอ" 

 

ในบรรดาพี่น้อง 3 ป. "พล.อ. อนุพงษ์" สามารถควบคุมภาพลักษณ์ ที่แสดงออกต่อสาธารณชนได้สงบนิ่งที่สุด แม้สื่อมวลชนจะได้สัมผัสความหลากของอารมณ์ขึ้นลง ไม่ต่างจากพี่น้องอีก 2 ป.ก็ตาม เบื้องหน้าเราจะได้รับรู้และเห็นเฉพาะในสิ่งที่ต้องการให้เห็นเท่านั้น แต่ฉากหลังกลับคลุมเครือไม่ชัดเจน เรียกได้ว่า เก็บมิด ปิดเงียบ ถ้าไม่ได้เห็นคะแนนไว้วางใจที่มาเป็นอันดับโหล่ ก็ไม่มีทางรู้เลยว่า เกมเขย่าเก้าอี้ มท.1 ไต่ระดับทะลุ 10 ริกเตอร์ไปแล้ว

 

สุชา​ติ​ ชมกลิ่น  รมว.แรงงาน ประกาศตนเกาะติดพล.อ.ประยุทธ์เข้าร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

"นายสุชา​ติ​ ชมกลิ่น"​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้รับฉายา  "รมต.แรงลิ้น" 

 

ยังคงคอนเซ็ปต์ ปากหวานไม่สร่าง  ขยันอวย "พล.อ.ประยุทธ์" ขั้นสุดในทุกด้าน เอ่ยปากแต่ละครั้งก็แรงจัดชัดเจน ต้นปีเปิดศึกแตกหักบ้านใหญ่เมืองชล จนเกิดวิวาทะ "ทรยศ หักหลัง" สนั่นออนไลน์ ปลายปีตีจาก "บิ๊กป้อม"  คนที่ออกปากเองว่ารักเหมือนพ่อ พร้อมข้อครหาหอบ ส.ส. ตาม "บิ๊กตู่" ที่ปากบอกว่ารักเหมือนแม่ ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ลิ้นมหาเสน่ห์วาดวิมานในทุ่งลาเวนเดอร์  จะขนพลพรรค มาเป็นฐานดัน "บิ๊กตู่" สู่เก้าอี้นายกฯอีกสมัย แว่วว่าเจ้าที่บ้านหลังใหม่แรงไม่แพ้ใคร เกิดอาการลิ้นคับปาก คับที่อยู่ยาก คับใจก็ต้องทนอยู่

 

นายชัยวุฒิ​ ธนาคมานุสรณ์  รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

 

"นายชัยวุฒิ​ ธนาคมานุสรณ์"​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้รับฉายา  "วันทอง 2 ป." 

 

ด้วยรักและเคารพพี่น้อง 2 ป. ทั้ง "พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร" ไปไหนไปกัน ตามติดแทบทุกภารกิจ  ครั้นมาถึงทางแยก ต้องเลือกว่าจะอยู่ไหม หรือไปต่อกับใคร จึงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจ เหตุการณ์ที่ทำเอานักข่าวลืมไม่ลง นั่นคือ วันที่ 2 ป.มีภารกิจชนกัน แม้แยกร่างไม่ได้ แต่มีวิชาแยกเงา เช้าบึ่งรถไปส่ง พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเครื่อง ก่อนส่งทีมงานตามติดไปแทน บ่ายรีบบึ่งรถรีบไปเดินตาม พล.อ.ประวิตร ทำภารกิจลงพื้นที่ เรียกได้ว่าไม่มีขาดตกบกพร่อง เปรียบเสมือนกับนางในวรรณคดีอย่าง "วันทอง" ที่รักขุนแผนแต่แพ้ความดีขุนช้าง ยากจะตัดสินใจว่าจะไปต่อกับใครดี

 

ส่วน"วาทะแห่งปี 2565"  ได้แก่ "เกลียดหรือไม่เกลียดก็ช่างคุณเถอะ เพราะผมไม่รู้" 

 

"พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ  เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ในหัวข้อ บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ

logoline