svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ORIGINAL

‘Metaverse’ โลกใหม่ในจักรวาลเสมือนอันไร้ที่สิ้นสุด

13 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

Metaverse จักรวาลเสมือนที่จะเป็นการรวมโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับชีวิตผ่านความเป็นจริงเสมือนที่ค่อย ๆ เบลอเส้นที่ขีดกั้นโลกกายภาพและโลกดิจิทัลออกไปทีละน้อย และสิ่งที่ว่านั้นเริ่มต้นแล้ว… วันนี้

Highlights:

  • Metaverse เป็นการทลายขอบเขตที่ขวางกั้นโลกดิจิทัลหรือแพลตฟอร์มที่มีอยู่อย่างมหาศาลในปัจจุบันลง
  • การเชื่อมต่อกันระหว่างแพลตฟอร์มหรือโลกดิจิทัลต่าง ๆ จะสร้างคุณค่าหรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่ายิ่งกว่าสิ่งที่เคยมีมา
  • การทุ่มเทเวลาเพื่อสร้างทักษะหรือลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิทัลจะสามารถต่อยอดไปได้ไกล และไร้ขอบเขตจำกัด ซึ่งเป็นสิ่งที่แพลตฟอร์มในปัจจุบันมี ด้วยการสร้างอัตลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวขึ้นในทุกโลก ทุก Server ภายใต้หนึ่งจักรวาลเดียวกัน
  • Metaverse นั้นไม่ใช่ Multiverse แต่เป็นการรวมเอาเทคโนโลยีดิจิทัล อินเทอร์เน็ต และศักยภาพต่าง ๆ เข้าด้วยกันโดยมีเทคโนโลยีกลุ่ม Reality เป็น Interface ที่สำคัญ
  • อัตลักษณ์ดิจิทัล งานสร้างสรรค์ และทักษะดิจิทัลจะมีราคามูลค่าเพิ่มขึ้นมหาศาล

--------------------

          หากใครที่ติดตามเทคโนโลยีอยู่บ้างอาจจะเคยได้ยินหรือรู้จักกับเทคโนโลยีเสมือนจริง (Reality) ซึ่งเป็นการสร้างวัตถุ 3 มิติขึ้นมาเพื่อปฏิสัมพันธ์กับโลกจริงหรือโลกเสมือนทั้งใบ แต่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีพาความสามารถนี้ไปได้ไกลกว่าที่เคยเป็นและมอบจักรวาลใหม่ในโลกดิจิทัลให้กับมนุษย์ ซึ่งยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีต่างเร่งความเร็วของตัวเองเพื่อแย่งชิงพื้นที่ในจักรวาลใหม่กันอย่างแข็งขันในปัจจุบัน
การใช้งาน VR

          Digital Reality หรือเทคโนโลยีดิจิทัลเสมือนจริงนั้นเป็นการสร้างการรับรู้ใหม่โดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญ โดยผู้ใช้งานสามารถปฏิสัมพันธ์กับวัตถุดิจิทัลผ่านทางหน้าจอและอุปกรณ์ที่กำหนด 

          ซึ่งการปฏิสัมพันธ์นั้นเกิดขึ้นได้ทั้งในรูปแบบดิจิทัล 100% ที่มีทั้งโลกใหม่ทั้งใบซึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นมา อย่าง Virtual Reality (VR) หรือ Augmented Reality (AR)  ซึ่งเป็นการซ้อนทับโลกหรือสภาพแวดล้อมจริงด้วยวัตถุ 3 มิติ หรือ การผสมผสาน AR และ VR เข้าด้วยกันอย่าง Mixed Reality ที่ทำให้การปฏิสัมพันธ์กับดิจิทัลได้อย่างอิสระมากกว่า โดยเฉพาะการใช้ Gesture ต่าง ๆ ในการควบคุม ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้มีการใช้งานในหลากหลายสาขาแล้วในปัจจุบัน

 

          ในกรณี VR นั้นมีทั้งการใช้ในการเล่นเกมส์เพื่อความบันเทิง ใช้ในการฝึกอบรมทักษะแรงงาน หรือใช้ในการ Simulate หรือจำลองสภาวะการณ์ต่าง ๆ เพื่อหาวิธีตอบสนอง ในขณะที่ MR หรือ AR สามารถใช้ในการทำงานแบบ Real-time ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนจากระยะไกลผ่านกล้อง การฝึกอบรมทักษะที่มีดิจิทัลเป็นการนำร่องในขณะที่ผู้รับการฝึกลงมือทำงานในโลกจริง ไปจนถึงเกมอย่าง Pokemon GO, Ingress หรือ Shin Megami Tensei Dx2 ที่ใช้การผสมผสานระหว่าง GPS โลกจริง และเงื่อนไขการเล่นเข้าด้วยกันผ่าน AR

 

‘Metaverse’ ผสานทุกความเป็นไปได้ในโลกอินเทอร์เน็ตเข้าด้วยกันเป็นจักรวาลเดียว
          เทคโนโลยี VR, AR และ MR นั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ความอิ่มตัวเกิดขึ้น ความเป็นไปได้ใหม่ก็ปรากฎตัวเข้ามาแทนที่ ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ที่ว่านี้ คือ Metaverse นั่นเอง
 

          Metaverse นั้นเป็น ‘คำ’ ที่เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งเป็นการรวมกันของคำว่า Meta + Universe โดยนักแต่นิยาย Sci-fi ที่ชื่อว่า Neal Stephenson ซึ่งให้ความหมายถึงชุดข้อมูลของโลกออนไลน์ที่มีการ Share หรือแบ่งปันข้อมูลใช้ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นการภาพ, Augmented ไปจนถึงการใช้ VR ผู้คนสามารถพบปะและใช้เวลาร่วมกันกับเพื่อน ทำงานด้วยกัน ไปเยี่ยมเยือนสถานที่ต่าง ๆ ซื้อสินค้าและบริการ หรือไปร่วมงานอีเวนท์ 

          หากมองกลับมาในโลกปัจจุบันจะพบว่าโลกเสมือนหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ มีอยู่มากมายแต่ผู้ใช้งานไ่สามารถเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างระบบหรือแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้โดยที่ยังคงอัตลักษณ์และสินทรัพย์ต่าง ๆ เอาไว้ได้ในรูปแบบเดียวกันทุกแพลตฟอร์ม ซึ่ง Metaverse จะแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการทำให้ทุกแพลตฟอร์มหรือโลกที่แตกต่างกันกลายเป็นจักรวาลเดียวกันแบบไร้รอยต่อ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นขั้นต่อไปของอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ก็ว่าได้
 

          ถ้าใครยังจินตนาการไม่ออกลองนึกถึงภาพยนตร์หรือนิยายเรื่อง Ready Player One ที่มนุษย์สามารถใช้แทบทั้งชีวิตได้บนโลกออนไลน์ เดินทางข้ามระบบข้าม Server ต่าง ๆ ได้ผ่าน Avatar หรืออวตารเดียวกันในทุกโลก โดยตัวละครยังคงมีสถานะ ทรัพย์สิน และเงื่อนไขต่าง ๆ เหมือนกันในโลกทุกใบ ถ้าใครดูอนิเมะแล้วคิดไม่ออกก็เหมือนกับ Sword Art Online ที่คิริโตะเลเวลเต็มของครบจากภาคแรกสามารถเอาของเหล่านั้นไปใช้ได้ในภาคอื่น ๆ ซึ่งเป็นคนละเกมได้

 

ทุกความทุ่มเทในโลกดิจิทัลจะกลายเป็นคุณค่าที่ต่อยอดขึ้นไปไม่สิ้นสุดด้วย Metaverse
          Metaverse นั้นจะทำให้เวลาที่ผู้ใช้งานทุ่มเทลงไปในการสร้างสินทรัพย์หรือคุณค่าในโลกดิจิทัลนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมาได้โดยทำลายกำแพงที่มีอยู่จากความแตกต่างและเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์ม ทำให้ทุกอัตลักษณ์ในแต่ละแพลตฟอร์มของคุณเป็นหนึ่งเดียวกัน

 

          ยกตัวอย่างของความบันเทิงอย่างการเล่นเกม ลองคิดดูสิครับว่าถ้าคุณปั๊มเลเวลในเกม ๆ หนึ่งมีตัวละครที่สวยงามแต่ถ้าไปเล่นเกมใหม่ต้องเติมเงินอีกเท่าไหร่ ต้องเก็บเลเวลหรือทำเควสต์อีกสักเท่าไหร่ถึงจะได้ของที่ต้องการแต่งตัวสวย ๆ นั้นมา Metaverse จะทำให้การลงทุนในโลกดิจิทัลสามารถส่งข้ามไปมาระหว่างแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ สามารถต่อยอดจากสิ่งที่มีได้เลยทันที หรือคุณสามารถเอาตัวละครที่คุณปั้นไว้ได้อย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นทักษะ ความสวยงาม ระดับความ Unique หรือความโดดเด่นเกินใครไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ค่าสถานะ สิ่งเหล่านี้จะติดตัวคุณไปได้ในทุกเกม อย่างน้อย ๆ ก็อวตารดิจิทัลของคุณจะเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด

 

          ในแง่ของการเรียนการศึกษา หากคุณลงหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่งและได้รับประกาศไปรษณียบัตรมาแล้ว คุณอาจจะใช้มันต่อยอดในการเรียนที่สูงยิ่งขึ้นได้ง่ายกว่าเดิมด้วยการบูรณาการหลักสูตรที่สะดวกขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายวิชาที่เรียนสด หรือการเรียนแบบ Private ที่ทั้งผู้เรียนและผู้สอนจะรู้จักพื้นฐานและเส้นทางของกันและกันได้มากขึ้น ทำให้การเรียนการสอนเข้าใจรากฐานที่มาและปรับแต่งให้เข้ากับแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น

 

          สำหรับธุรกิจเอง Metaverse ถือเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นพื้นที่ใหม่ซึ่งต้องเร่งช่วงชิงพื้นที่ หากใครสามารถประทับตราความเป็นเจ้าภาพลงไปได้ก่อนในหลักชัยนี้ ความเชื่อถือของผู้ใช้งานจะถูกฝังรากลึกลงไปอย่างยาวนาน ซึ่ง Facebook ที่นำโดย Mark Zuckerberg กำลังเร่งทำเกมอยู่ ในขณะที่ Microsoft ซึ่งพัฒนาฮาร์ดแวร์อย่าง Hololens ก็เดินเกมอย่างไม่น้อยหน้าเช่นกัน

NFT ที่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล           สินทรัพย์ดิจิทัลที่เกิดขึ้นใน Metaverse จะมีมูลค่ามากกว่าสินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบันอย่างมาก เนื่องจากการเชื่อมต่อของแพลตฟอร์มต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันเรามี  NFT ซึ่่งเป็นการซื้อขายด้วยสกุลเงินดิจิทัลเกิดขึ้นแล้ว ลองคิดดูนะครับว่าหากคุณมีวัตถุชิ้นหนึ่งซึ่งมีชิ้นเดียวบนโลกอินเทอร์เน็ตอาจจะเป็นลายสักจากศิลปินดิจิทัลที่มีชื่อเสียง ของชิ้นนั้นจะมีมูลค่าแค่ไหน? ยกตัวอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในโลกเวอร์ชวลอย่าง Decentraland ที่มี Cryptocurrency และสินทรัพย์ต่าง ๆ เป็นของตัวเองมีการประกาศขายที่ดินมูลคว่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

          สินทรัพย์ที่เป็น NFT ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่กี่เดือนมีการซื้อขายเกิดขึ้นมูลค่ากว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก และการซื้อขาย NFT นั้นไม่จำกัดกรอบอยู่ที่ภาพวาดภาพดิจิทัลเท่านั้น แต่เป็นอะไรก็ได้ที่เป็นข้อมูลดิจิทัล เสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว โครงสร้าง 3 มิติ นั่นอาจหมายความว่า Metaverse จะเป็นพื้นที่ใหม่สำหรับทุกคนที่ไม่อาจถูกผูกขาดไว้ได้โดยง่าย ไม่ต่างกับการไปดวงจันทร์ที่สมัยนี้ประเทศต่าง ๆ อาจจะมีแผนไปกันง่ายขึ้น แต่ผู้คนจะจดจำกับผู้ลงจอดหรือประเทศที่ลงจอดบนดวงจันทร์ได้เป็นชาติแรกเสียมากกว่า ถึงไม่มีใครผูกขาดได้แต่ผู้คนก็จะเลือกจดจำเพียงผู้สำเร็จก่อนเท่านั้น (ไม่ต่างจาก EV ที่ใครก็นึกถึง Tesla ได้ง่ายกว่าแบรนด์อื่นหรือคนอื่นที่ทำมาก่อนแต่ไม่สำเร็จเท่า)

 

          ทักษะของโลกดิจิทัลจะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งทักษะพื้นฐานอย่างการแก้ปัญหาดิจิทัล การซ่อมบำรุงอุปกรณ์ ไปจนถึงความรู้เรื่อง Cyber Security เป็นสิ่งที่ต้องปูพื้นฐานไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะการมาถึงของ Metaverse จะเป็นการเบลอเส้นกั้นระหว่างโลกกายภาพและโลกเสมือนจริง (โลกดิจิทัล) อย่างแน่นอน และหากโลกเข้าสู่ยุคการปลูกถ่ายอวัยวะดิจิทัลเมื่อไหร่เส้นกั้นที่เคยมีอาจหายไปก็เป็นได้ ซึ่งโครงการที่ว่าก็ได้เกิดขึ้นแล้วผ่านโครงการของ Neurallink ซึ่งพัฒนา Brain-machine Interface ที่ใช้เชื่อมต่อมนุษย์และคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน หรือเราอาจจะมาถึงยุคของ Ghost in The Shell หรือ Altered Carbon แล้วก็เป็นได้

 

          Metaverse จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้อย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว ซึ่งจะมาพร้อมกับเงื่อนไขใหม่ ๆ ที่รองรับ ซึ่งสิ่งแรกที่เกิดขึ้นแล้ว คือ สกุลเงินดิจิทัลที่ไม่ยึดโยงกับธนาคารใด ๆ สิ่งเดียวที่จะขัดขวางการมาของ Metaverse ได้คือการล่มสลายของมนุษยชาติ ไม่ว่าจะภัยพิบัติ สงคราม สภาพแวดล้อมล่มสลาย การขาดแคลนพลังงาน ซึ่งหากเกิด Metaverse ขึ้นได้จริงลองจินตนาการดูครับว่าต้องการฮาร์ดแวร์สำหรับผู้ใช้จำนวนเท่าไหร่ ระบบการเชื่อมต่อคุณภาพที่ต้องดีในระดับใด ในแง่ของผู้ให้บริการเอง Server ต่าง ๆ ต้องมีปริมาณมากเท่าไหร่ พลังงานและทรัพยากรที่ใช้ ความร้อนและมลภาวะต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าการพุ่งทะยานไปข้างหน้านั้นจะเป็นการทึ้งเนื้อดึงหนัง เลาะกระดูกของมนุษย์เองหรือไม่ ซึ่งก็ต้องคอยดูกันต่อไป

 

ทศธิป สูนย์สาทร
ผู้หลงใหลในเสียงดนตรี ความงาม และเทคโนโลยี 

--------------------

Ref:

logoline