
KEY
POINTS
การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สุดสัปดาห์นี้มีเดิมพันสูงทั้งในการลุ้นแชมป์ และการตัดสินอนาคตของสตาร์ดัง โดยเฉพาะกรณีของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่กำลังเป็นประเด็นร้อน ขณะที่ทีมหัวตารางอย่าง เชลซี และ อาร์เซนอล ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เน้นเกมรับ
เชลซีในยุคเอ็นโซ่ มาเรสก้ามีบุคลิกชัดเจน "ชอบเกมใหญ่ แต่ฟุบเกมเล็ก" พวกเขาเคยยันเสมออาร์เซนอลตอนเหลือ 10 คน และชนะบาร์เซโลนา, ลิเวอร์พูล และสเปอร์ส ได้อย่างงดงาม แต่ก็หลุดฟอร์มกับทีมอย่างเบรนท์ฟอร์ด, บอร์นมัธ, ลีดส์ และคาราบัค
ปัญหาหลักคือ การเจอทีมที่ตั้งรับลึก โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งปรับมาใช้หลัง 5 ซึ่งทำให้มาเรสก้าหัวเสียประจำ ยิ่งเอฟเวอร์ตันของเดวิด มอยส์เพิ่งเก็บคลีนชีตต่อเนื่องจากบอร์นมัธและแมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้เกมนี้ไม่ง่ายแน่นอน
นี่จะเป็นเกมสุดท้ายของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ในฐานะแข้งลิเวอร์พูลหรือไม่
หลังยิงไป 250 ประตูจาก 420 นัด พร้อมกวาดทุกแชมป์หลัก ซาลาห์กลับต้องหลุดทีมในช่วงหลัง โดยอาร์เน่อ ชล็อต ย้ำว่าเป็นเพียง “ชั่วคราว” แต่ตัวนักเตะกลับรู้สึกไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด จากภาพเซลฟี่เดี่ยวในวันที่ลิเวอร์พูลบุกชนะอินเตอร์ใน UCL ซึ่งตีความได้ว่าเขารู้สึกถูกเมิน
ซาลาห์บอกว่า “เรียกพ่อแม่มาแอนฟิลด์เพื่ออำลาแฟนบอล” ก่อนเดินทางไปแอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นการอำลาชั่วคราวหรือถาวร ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด
หลายฝ่ายมองว่าอาจต้องปล่อยให้เวลา และทริปไปแข่ง AFCON 1 เดือน ช่วยให้ทุกฝ่ายเย็นลง
อาร์มันโด โบรย่า เคยถูกคาดหวังสูง แต่เจ็บบ่อยและถูกปล่อยยืมจนฟอร์มสะดุด แม้ตอนนี้ย้ายออกจากเชลซีแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ออกสตาร์ตให้เบิร์นลีย์เลย ลงสำรอง 9 นัดยิงไม่ได้
ปัญหาคือเพื่อนร่วมทีมก็ยิงไม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะเกมในบ้านที่ยิงได้แค่ 5 ลูกจาก 7 นัด และแพ้ถึง 4 นัด แม้สก็อตต์ ปาร์เกอร์จะเน้นเกมรับ แต่หากต้องการประตูมากกว่านี้เขาอาจต้องกล้าเริ่มส่งโบรย่าเป็นตัวจริง
กาเบรียล เชซุส กลับมาจากอาการบาดเจ็บ ACL ที่พักเกือบปี และเพิ่งลงสำรองในเกม UCL ที่อาร์เซนอลชนะคลับ บรูช 3-0 โดยเจ้าตัวมั่นใจว่า “ของจริงกำลังจะมา”
เขาต้องการเวลาในสนามเพิ่ม และเกมพบวูล์ฟส์ซึ่งกำลังรั้งบ๊วยน่าจะเป็นโอกาสเหมาะที่สุดสำหรับการให้นักเตะได้เคาะสนิม
ดาเนียล มูนญอซ ต้องผ่าหัวเข่า และถือเป็นข่าวร้ายสุด ๆ สำหรับพาเลซ เพราะเขาคือขุมกำลังหลักในระบบของโอลิเวอร์ กลาสเนอร์
นาธาเนียล ไคลน์ แบ็กตัวเก๋าวัย 34 ปี ต้องรับบทแทน แม้จะวิ่งสู้ฟัดแบบมูนญอซไม่ได้ แต่ความเก๋าและวินัยเกมรับอาจเป็นกุญแจสำคัญในเกมหนักกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ทั้งนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ไม่เคยแพ้ที่เซลเฮิร์สท์ พาร์ค แต่ปีก่อนก็เสมอแบบสุดมัน 2-2
ดาร์บี้แมตช์แห่งภาคอีสาน "แวร์-ไทน์ ดาร์บี้" ระหว่างซันเดอร์แลนด์กับนิวคาสเซิลกลับมาในลีกครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ และนิวคาสเซิลมีเรื่องให้เอ็ดดี้ ฮาวปวดหัวหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น จะส่ง นิค โป๊ป ที่เพิ่งฟื้น แทนแอรอน แรมส์เดลไหม, จะดร็อป มัลลิค เทียว หลังเล่นแย่ในเกม UCL หรือไม่, จะพัก ซานโดร โตนาลี ซึ่งดูหมดแรง แล้วให้ดาวรุ่งลูอิส ไมลีย์ออกสตาร์ตไหม ฯลฯ
ไม่ว่าเลือกใคร สิ่งที่นิวคาสเซิลต้องปรับคือ การป้องกันลูกตั้งเตะ เพราะ เอ็นโซ เลอ เฟ ของซันเดอร์แลนด์มีทีเด็ดเรื่องการเปิดบอล
มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ เคยเกือบย้ายไปสเปอร์สด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ ก่อนฟอเรสต์รั้งไว้ได้ และเขาคือหัวใจของทีมที่พาขึ้นถึงอันดับ 7 ฤดูกาลก่อน
ปีนี้กลับทำไปเพียง 3 ประตู 1 แอสซิสต์ ทำให้ฟอร์มของทีมโดยรวมไม่สดใส แต่เกมพบสเปอร์สคือโอกาสที่เขาต้องพิสูจน์ว่าการปฏิเสธทีมที่ได้ไป UCL แล้วอยู่กับฟอเรสต์ต่อคือการตัดสินใจที่คุ้มค่า
ปีก่อนเขาเป็นคนสร้างประตูชัยในเกมนี้ แฟนเจ้าป่าหวังซ้ำรอยเดิม
คริสเซนซิโอ ซัมเมอร์วิลล์ คือนักเตะที่ทำให้เกมรุกเวสต์แฮมอันตรายขึ้นทันทีที่ฟิต แต่ปัญหาคือเขาไม่ค่อยอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และปีนี้ยังไม่มีทั้งประตูและแอสซิสต์
เขาพลาดหลายจังหวะในเกมกับไบรท์ตัน แต่สปีดและลีลายังสร้างปัญหาให้คู่แข่งได้แน่นอน เกมกับแอสตัน วิลล่านี้จะเป็นบททดสอบชิ้นใหญ่ทั้งสำหรับเขา และแบ็กขวาอย่างแม็ตตี้ แคช
เบรนท์ฟอร์ดเล่นในบ้านดีมาก ชนะถึง 5 จาก 7 นัด มีแต้มหลุดเพียงสองครั้ง (เสมอเชลซี, แพ้แมนฯ ซิตี้) แต่เกมเยือนกลับชนะได้ครั้งเดียว
ลีดส์เพิ่งผ่านสัปดาห์ดี ๆ ชนะเชลซี และตามตีเสมอลิเวอร์พูลแบบสุดดราม่า ทีมของดาเนียล ฟาร์เค่มีรูปร่างสูงใหญ่ เหมาะกับการรับมือบอลโยนและลูกเซตเพลย์ของเจ้าถิ่น ทำให้เบรนท์ฟอร์ดอาจต้องปรับแผนสำรองไว้ด้วย
หาก ดานโก้ อ็อตตารา หลุดไปอยู่ระหว่างช่องกองหลังได้ จะเป็นอาวุธสำคัญของเจ้าบ้าน
แมนฯ ยูไนเต็ดแพ้แค่นัดเดียวจาก 9 นัดลีกหลังสุด แต่ปัญหาคือ ยิงได้น้อย และเสียประตูง่าย
ซีซั่นนี้เพิ่งยิง 4 ลูกในเกมเดียวแค่สองครั้ง (ชนะไบรท์ตัน 4–2, ชนะวูล์ฟส์ 4–1) แต่ก็เสียไปถึง 22 ประตูจาก 15 นัด แสดงว่าระบบเกมรับยังไม่นิ่ง แม้เกมรุกจะดีขึ้น
บอร์นมัธต้องหวังใช้ตรงนี้โจมตี เพราะหลายคนยังมองว่าเจ้าถิ่นยัง “เอาแน่เอานอนไม่ได้”
-----
วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2025
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2025
คืนวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2025