
KEY
POINTS
ลิโอเนล เมสซี่ ยอดนักฟุตบอลแห่งประวัติศาสตร์ ได้เติมเต็มความสำเร็จอีกขั้น เมื่อนำทีม อินเตอร์ ไมอามี่ คว้าแชมป์ MLS Cup มาครองเป็นสมัยแรกของแฟรนไชส์ได้สำเร็จ หลังเอาชนะ แวนคูเวอร์ ไวท์แคปส์ ไป 3-1 ในรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ ฟอร์ต ลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดา
ชัยชนะครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสร นับตั้งแต่เมสซี่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อ 2 ปีครึ่งที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้เมสซี่เคยนำทีมคว้าแชมป์ ลีกส์ คัพ ในปี 2023 และ MLS ซัพพอร์ตเตอร์ส ชิลด์ เมื่อปีที่แล้ว
อินเตอร์ ไมอามี่ ขึ้นนำเร็ว 1-0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของทีมเยือนในนาทีที่ 8 ก่อนที่ แวนคูเวอร์ จะตามตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 60 จาก อาลี อาห์เหม็ด
นาทีที่ 72 เมสซี่ เป็นคนสร้างสรรค์ประตูชัย เมื่อแย่งบอลมาได้และส่งบอลทะลุช่องแคบ ๆ แนวรับแวนคูเวอร์ ไปให้ โรดริโก้ เด ปอล ยิงเข้ามุมตาข่ายอย่างเฉียบขาด ทำให้ทีมนำ 2-1 จากนั้นนาทีที่ 90+6 ทาดิโอ อัลเลนเด้ ทำประตูปิดท้าย 3-1 จากการแอสซิสต์ของ เมสซี่ อีกครั้ง
เมสซี่ วัย 38 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของรางวัล MLS MVP ประจำปี 2024 และทำผลงานได้อย่างโดดเด่นตลอดฤดูกาล กล่าวหลังเกมว่า "การคว้าแชมป์ MLS เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของเราในปีนี้ ทีมทุ่มเทอย่างมาก มันเป็นปีที่ยาวนานมาก มีหลายแมตช์ และเราก็ทำผลงานได้ตามที่ตั้งใจไว้ตลอดทั้งฤดูกาล"
แชมป์ MLS Cup ครั้งนี้เป็นถ้วยรางวัลที่ 47 ที่ เมสซี่ คว้ามาได้ตลอดอาชีพการเล่นทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ ซึ่งเป็นการขยายสถิตินักเตะที่คว้าถ้วยรางวัลมากที่สุดในโลก
ชัยชนะครั้งนี้ยังเป็นจุดสูงสุดของการเดินทาง 12 ปีของ เดวิด เบ็คแฮม หนึ่งในเจ้าของสโมสร ซึ่งใช้เวลาหลายปีกว่าจะก่อตั้งสโมสรได้สำเร็จ โดยเบ็คแฮม กล่าวว่า "นี่คือความฝัน" และย้ำถึงแรงจูงใจของสตาร์ชาวอาร์เจนตินาว่า "เขาไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อสนุกกับการใช้ชีวิตในไมอามี่ แต่เขามาที่นี่เพื่อคว้าชัยชนะ"
ชัยชนะครั้งนี้ยังเป็นบทสรุปอาชีพของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ จอร์ดี้ อัลบา สองอดีตเพื่อนร่วมทีมบาร์เซโลนา ที่ประกาศจะแขวนสตั๊ด และได้ปิดฉากการเล่นของพวกเขาด้วยตำแหน่งแชมป์ ส่วน ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ซึ่งปัจจุบันเป็นโค้ชของทีม ก็ได้นำทีมคว้าความสำเร็จในฤดูกาลแรกของการคุมทีม