svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"ทรัมป์"จัดศึก UFC สุดยิ่งใหญ่ที่ ทำเนียบขาว 14 มิ.ย. ตรงกับวันเกิด 80 ปี

โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความฮือฮาด้วยการประกาศการจัดศึก UFC สุดยิ่งใหญ่ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 14 มิถุนายนปีหน้า ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 80 ปีของเขาพอดี แม้ก่อนหน้านี้ ดานา ไวท์ ซีอีโอ UFC เคยประกาศว่าจะจัดในวันชาติ (4 ก.ค.) เพื่อฉลอง 250 ปีสหรัฐฯก็ตาม

KEY

POINTS

  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจัดศึกการต่อสู้ UFC ครั้งประวัติศาสตร์ที่สนามของทำเนียบขาวในวันที่ 14 มิถุนายน ปีหน้า
  • วันดังกล่าวตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 80 ปีของโดนัลด์ ทรัมป์
  • กำหนดการใหม่นี้เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ ดานา ไวท์ ซีอีโอ UFC เคยประกาศว่าจะจัดในวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐฯ

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สร้างความฮือฮาในการกล่าวต่อหน้าเหล่าทหารเรือที่ฐานทัพเรือนอร์ฟอล์กในรัฐเวอร์จิเนีย ด้วยการประกาศกำหนดการใหม่สำหรับการจัดศึกการต่อสู้แบบผสมผสาน Ultimate Fighting Championship (UFC) ที่กำลังเป็นที่พูดถึง

ทรัมป์ ระบุว่า ศึก UFC สุดยิ่งใหญ่ที่สนามของทำเนียบขาวจะจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน ปีหน้า โดยไม่ได้กล่าวถึงว่าวันดังกล่าวคือวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 80 ปี ของเขาเอง

ก่อนหน้านี้ ดานา ไวท์ ซีอีโอของ UFC เคยประกาศในเดือนสิงหาคมว่า ศึกประวัติศาสตร์นี้จะจัดขึ้นในวันที่ 4 กรกฎาคม ปีหน้า ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีของการก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา

"ทรัมป์"จัดศึก UFC สุดยิ่งใหญ่ที่ ทำเนียบขาว 14 มิ.ย. ตรงกับวันเกิด 80 ปี

การนำ UFC เข้าสู่ใจกลางอำนาจการเมือง

การนำกีฬาต่อสู้ที่ดุเดือดอย่าง MMA (Mixed Martial Arts) มาจัดขึ้น ณ ศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ทรัมป์ เป็นผู้ที่สนับสนุน UFC มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขายังได้เข้าร่วมชมศึก UFC 316 ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา

ดานา ไวท์ เคยกล่าวไว้ในการแถลงข่าวว่า ศึกที่ทำเนียบขาวครั้งนี้จะเป็น "ไฟต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการจัดมาในประวัติศาสตร์ของบริษัท" อย่างแน่นอน

UFC ถือเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จที่สุดในโลกของกีฬา MMA ซึ่งรวมศิลปะการต่อสู้หลายแขนงเข้าด้วยกัน แม้ว่าจะเป็นกีฬาที่ยังคงมีความขัดแย้งเนื่องจากความดุเดือดและอัตราการบาดเจ็บที่สูง แต่ก็ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม คนหนุ่มสาว ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่สำคัญในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024