ฟุตบอลทีมชาติไทย เพิ่งผ่านพ้นบททดสอบสำคัญในศึกเอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดที่ 2 เมื่อพ่ายแพ้ให้กับเจ้าบ้านเติร์กเมนิสถาน 1-3 ที่สนามอัชกาบัต สเตเดี้ยม ประเทศเติร์กเมนิสถาน ส่งผลให้เก็บได้ 3 คะแนนจาก 2 นัดแรก รั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม ดี เป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางเสียงวิจารณ์หลากหลายจากแฟนบอลถึงรูปแบบการเล่น, แท็คติก และผลงานโดยรวมของทีมชุดปัจจุบัน
เช้ามืดวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ทีมชาติไทยเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายหลังจบภารกิจเกมเยือนดังกล่าว ซึ่งทันทีที่เดินทางถึงสนามบิน มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอย่างตรงไปตรงมา ถึงภาพรวมของผลงานและสิ่งที่จะต้องเร่งปรับปรุงในอนาคต
"แน่นอนว่าเราผิดหวังกับผลการแข่งขันที่ผ่านมา" อิชิอิกล่าวเปิดใจ "แต่จากนี้ไปจนถึงฟีฟ่าเดย์ครั้งหน้า เรายังมีเวลาเตรียมตัว เพื่อกลับมาคว้าชัยชนะและแสดงศักยภาพที่แท้จริงของทีมชาติไทยให้แฟนบอลได้เห็น"
หนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือ รูปแบบการเล่นของทีมชาติไทยในยุคของอิชิอิ ซึ่งยังคงถูกตั้งคำถามจากแฟนบอลอย่างต่อเนื่อง เจ้าตัวแสดงความเข้าใจต่อทุกความคิดเห็น โดยมองว่าคำวิจารณ์เหล่านั้นเป็นแรงผลักดันให้ทีมงานและนักเตะทุกคนต้องเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
"เมื่อผลออกมาไม่ดี ย่อมมีคำวิจารณ์เกิดขึ้น ซึ่งผมเข้าใจและน้อมรับไว้ทั้งหมด ทุกคำติชมจะถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงทั้งในส่วนของผมเอง, สตาฟฟ์โค้ช และตัวนักเตะ" อิชิอิกล่าว
นอกจากแท็คติกและผลงานแล้ว อิชิอิยังเผยถึงอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญในเกมนี้ นั่นคือสภาพสนามหญ้าเทียมของเจ้าบ้านเติร์กเมนิสถาน ซึ่งส่งผลต่อการคุมเกมและความลื่นไหลในการต่อบอลของทีมไทยพอสมควร
"สนามหญ้าเทียมสร้างความยากลำบากให้กับเราไม่น้อย รวมถึงนักเตะของเติร์กเมนิสถานเองมีสภาพทีมที่เล่นด้วยกันมานาน ความเข้าใจกันสูง ซึ่งเราเองต้องเร่งพัฒนาจุดนี้ให้ดีขึ้น"
ขณะเดียวกันการคัดเลือกนักเตะชุดนี้ก็เป็นความท้าทาย เนื่องจากช่วงฟีฟ่าเดย์ตรงกับเวลาปิดฤดูกาลของฟุตบอลไทยลีก ส่งผลให้นักเตะหลายรายไม่มีเกมการแข่งขันต่อเนื่องก่อนเข้ามาเก็บตัวกับทีมชาติ
อิชิอิยืนยันว่ากระบวนการคัดเลือกนักเตะเข้าสู่ทีมชาติยังเปิดกว้างเสมอ โดยพิจารณาจากผลงานในช่วงก่อนเข้าแคมป์ฝึกซ้อม รวมถึงความเหมาะสมกับแท็คติกในแต่ละช่วงเวลา
"นักเตะ 11 ตัวจริงของผมไม่มีการล็อคตัว ทุกคนมีโอกาส ถ้าทำผลงานได้ดี ย่อมได้รับโอกาสเข้ามาอยู่ในทีม" อิชิอิกล่าว
นอกจากการคัดเลือกในปัจจุบันแล้ว กุนซือชาวญี่ปุ่นยังเริ่มมองไปถึงการวางแผนระยะยาวสำหรับศึกฟุตบอลโลก 2030 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญในอนาคต
สำหรับโปรแกรมนัดถัดไปของทีมชาติไทย คือการลงแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 51 ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงฟีฟ่าเดย์เดือนกันยายน 2568 โดยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยจะประกาศรายละเอียดการแข่งขันเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้
การแข่งขันรายการดังกล่าวจะกลายเป็นอีกเวทีสำคัญให้ อิชิอิ และทีมชาติไทยได้พิสูจน์ผลงาน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากแฟนบอลชาวไทยกลับมาอีกครั้ง พร้อมเป็นการเตรียมทีมก่อนเข้าสู่ศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบถัดไปในปีหน้า